วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

โลกนิรันดรกาล

On August 28, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 28  ส.ค.-4 ก.ย. 2563)

มนุษย์ทุกคนที่เกิดบนโลกใบนี้มีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่จำนวนวันที่มนุษย์แต่ละคนได้ในโลกนี้ไม่เท่ากัน

แม้มนุษย์จะได้รับเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกคน แต่มนุษย์ที่ขั้วโลกเหนือได้รับเวลากลางวันที่ยาวกว่ามนุษย์ในแถบเส้นศูนย์สูตร นอกจากนี้แล้ว เวลาแห่งความรู้สึกของมนุษย์ขณะมีลมหายใจอยู่ยังแตกต่างกันด้วย แม้จะอยู่ในเขตเวลาเดียวกัน คนที่มีความสุขอยู่กับคนรักจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินในขณะที่คนเป็นทุกข์รู้สึกว่าเวลาทำไมจึงผ่านไปช้านักทั้งๆที่เข็มบอกเวลาบนนาฬิกาเท่ากัน

เวลาหนึ่งวันของโลกเกิดจากการที่โลกหมุนครบรอบตัวเองและโลกจะครบรอบปีเมื่อโคจรรอบดวงอาทิตย์ โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ครบไปไม่รู้กี่แสนรอบแล้วไม่มีใครรู้ และโลกจะหมุนรอบดวงอาทิตย์ต่อไปอีกกี่หมื่นรอบก็ไม่มีใครรู้เช่นกัน

ถ้าเปรียบเวลาเหมือนเส้นด้าย โลกของเราก็เป็นแค่เพียงปมเล็กๆปมหนึ่งบนเส้นด้ายของกาลเวลาที่เราไม่รู้ว่าปลายเชือกข้างหนึ่งเริ่มขึ้นตรงไหนและปลายเชือกอีกข้างหนึ่งจะยาวไปอีกเท่าใด เวลาทั้งสองปลายเส้นเชือกแห่งกาลเวลาที่เราไม่รู้นี้แหละที่เราเรียกกันว่านิรันดรกาล

โลกเราเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะที่ประกอบไปด้วยดาวอื่นๆเป็นบริวารของดวงอาทิตย์  ด้วยขนาดและความห่างจากดวงอาทิตย์ เวลาวันหนึ่งบนโลกจึงแตกต่างไปจากดาวดวงอื่น ระบบสุริยะก็หมุนรอบตัวเองอยู่ในระบบกาแลกซี่ที่มีระยะทางไกลนับเป็นปีแสง แน่นอน วันหนึ่งของระบบสุริยะจึงต้องยาวนานกว่าวันหนึ่งของโลก

ยิ่งมนุษย์มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์มากเท่าใด มนุษย์ยิ่งค้นพบว่าในจักรวาลยังมีกาแลกซี่อื่นๆอีกมากมายและจักรวาลมีการขยายตัวออกไปเรื่อยๆ

we

ในคัมภีร์กุรอานมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า “พระเจ้าทรงบริหารกิจการทั้งหลายจากชั้นฟ้ายังโลก และบันทึกการบริหารนี้ได้ขึ้นไปสู่พระองค์ในวันหนึ่งซึ่งความยาวของมันเป็นเวลาพันปีตามการนับของสูเจ้า” (กุรอาน 32:5)

ข้อความดังกล่าวบอกให้เรารู้ว่าวันหนึ่งของพระเจ้าต่างจากเวลาของมนุษย์นับเป็นพันเท่า ในคัมภีร์กุรอานยังมีอีกกล่าวว่าพระเจ้าสร้างโลกและชั้นฟ้าและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนี้ภายในเวลา 6 วัน ดังนั้น วันหนึ่งของโลกจึงเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสำหรับพระเจ้า

บนโลกใบนี้ เวลาของมนุษย์แต่ละคนสิ้นสุดลงเมื่อวิญญาณแยกออกจากร่าง หลังจากนั้น ร่างกายของมนุษย์จะถูกทิ้งไว้ให้ยุ่ยสลายกลายเป็นปุ๋ยเหมือนกับที่หมอทิ้งรกของมนุษย์ไปหลังการคลอด แต่วิญญาณซึ่งเป็นชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์ต้องเดินทางต่อเพื่อไปพบกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำไว้

อาณาจักรของกาลเวลาหลังความตายนี้เองที่มนุษย์จะไปอยู่ ถ้าได้รับการตอบแทนด้วยความสุข มนุษย์ก็จะมีความสุขนิรันดร แต่ถ้าทำความชั่ว มนุษย์ก็จะได้รับทุกข์จากการถูกลงโทษอย่างยาวนานนิรันดรกาลเช่นกัน ความยุติธรรมจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์ได้ได้รับการตัดสินโดยพระเจ้าในอาณาจักรหลังความตายเท่านั้น


You must be logged in to post a comment Login