วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

เสริมจมูก : ว่าด้วยการขาดปัญญาของบิ๊กตู่

On December 17, 2019

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  20-27 ธันวาคม 2562)

น่าสงสารประเทศไทยจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจจริงๆจึงติงคนไทยว่าหมดเงินแต่งตัว เสริมจมูก ทั้งที่เป็นกิจกรรมที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับคนจนนัก และเป็นการสร้างทุนมากกว่าเป็นค่าใช้จ่าย ความไม่รู้ของท่านนายกฯเป็นอันตรายอย่างมากต่อประเทศชาติ เพราะคงอับจนปัญญา พาชาติไปสู่ความเจริญได้ยากมาก

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานเปิดตัวเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network : TRBN) ณ ห้องคริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก (https://bit.ly/2E4X0g8) ท่านได้ “ติงคนไทยหมดเงินแต่งตัว เสริมจมูก แนะทำความดี” (https://bit.ly/2E4aZ64) กรณีนี้แสดงว่าท่านนายกฯขาดความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ

ผมอยากบอกว่า ท่านพูดแบบ “ไร้เดียงสา” “ไร้ความคิด” จึงดู “ไร้ค่า” จริงๆท่านพูดด้วยความไม่รู้ ความเขลาก็ว่าได้ เรามาดูความจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่รู้และพูดจาส่งเดชแบบ “ผีเจาะปาก” หรือ “กลอนพาไป” ซึ่งการพูดแบบนี้ “ทุเรศ” “น่าสงสาร” กว่าการหลุดพูดว่า “จังหวัดหาดใหญ่” เสียอีก เรามาดูความจริงกัน

1.สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) ได้เปิดเผยรายงานศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยระดับโลกสำหรับปี 2561 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 พบว่าไทยติดอันดับ 10 ในธุรกิจเสริมความงาม (https://bit.ly/2rmyDYT)

1111

2.การเสริมจมูกมีสัดส่วนเป็น 11% ของกิจกรรมเสริมความงามทั้งหมด ไม่ใช่กิจกรรมอันดับแรกตามที่นายกฯเข้าใจ กิจกรรมอื่นที่มีสัดส่วนสูงกว่าการทำจมูกก็ได้แก่ การผ่าตัดตาและผ่าตัดเสริมหน้าอก (https://bit.ly/2YzRBr1 หน้า 24)

1112

3.มูลค่ารวมตลาดศัลยกรรมไทยเมื่อ 6 ปีที่แล้ว มีมูลค่ารวม 19,500 ล้านบาท แต่มาปีนี้มูลค่าตลาดศัลยกรรมของไทยเพิ่มขึ้นถึง 85% หรือคิดเป็นมูลค่า 36,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2562 มูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามไทยจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 10-20% ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในสภาวะใดก็ตาม (https://bit.ly/2rv24rD) แสดงว่าธุรกิจนี้ไม่ได้ทำให้ไทยจนลง

4.สถาบันคีนันระบุว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของไทย (ซึ่งรวมการเสริมความงาม เสริมจมูก) มีชาวต่างประเทศเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้มหาศาลกับประเทศไทยในแต่ละปี (https://bit.ly/2rvQTiq) จึงเป็นธุรกิจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก ข้อนี้ท่านนายกฯคงไม่ทราบ

5.การเพิ่มความสวยยังเป็นการลงทุนเพื่อใช้ประกอบอาชีพ เช่น เป็นพริตตี้ ซึ่งทำให้เกิดการสร้างรายได้ (https://bit.ly/355IdxD) มากกว่าการเป็นค่าใช้จ่ายตามที่ท่านนายกฯเข้าใจผิดๆ

การที่ท่านนายกฯพูดแนะให้ทำความดีเพื่อเพิ่มความสวยงามนั้นถือเป็นการพูดตามความจำ (ที่ยังจำไม่คล่อง พูดผิดๆถูกๆ นึกอยู่ตั้งนานจนดูน่าอนาถและน่าขบขัน) ท่านพูดแบบติดๆขัดๆได้เพียงว่า “คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า” แต่คำเต็มๆก็คือ “คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน คนจะรวย รวยสินทาน ใช่บ้านโต”

ส่วนการทำความดีทำให้คนเราได้รับการยกย่อง เป็นความงามจากภายใน เป็นเรื่องของการมีความทรงคุณค่า มีจิตใจที่งดงาม ไม่ได้ทำให้คนเราสะสวยขึ้นแต่อย่างใด เป็นคนละเรื่องกัน ไม่ควรเอามาปะปนกัน ความงามของคนเรานั้นมักเกิดจากความอ่อนเยาว์ แม้จะเป็นสิ่งชั่วคราว เป็นกิเลสของปุถุชนทั่วไป แต่ทุกคนไม่ว่านายกฯหรือชาวบ้านก็ล้วนไม่ได้บรรลุโสดาบัน ไม่ได้เป็นอรหันต์ ต่างก็มีกิเลสด้วยกันทั้งนั้น

การที่ท่านนายกฯไม่เข้าใจเศรษฐกิจ ไม่เข้าใจสำนวนไทย และอื่นๆ แสดงว่าท่านไม่รอบรู้ จึงน่าเป็นห่วงว่าจะบริหารบ้านเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผลหรือไม่ จะพาประเทศชาติเข้ารกเข้าพงหรือไม่ บางท่านก็อาจแย้งว่าท่านมีคณะที่ปรึกษา มีทีมเศรษฐกิจที่ดี แต่คนเหล่านั้นมีฝีมือหรือดีจริงหรือไม่ ทำไมปล่อยให้นายกฯออกมาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดอยู่เนืองๆ และถึงแม้มีทีมเศรษฐกิจ (ที่ไม่รู้ดีจริงหรือไม่) แต่ก็ไม่อาจประกันได้ว่าท่านนายกฯจะนำพาประเทศชาติได้ตลอดรอดฝั่ง

แต่ที่แน่ๆก็คือ ความไม่รู้ของท่านทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ขาดความภูมิใจในตัวนายกรัฐมนตรี


You must be logged in to post a comment Login