วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

นายกฯนำถกงบปี63เคาะที่3.22ล้านล้านบาทพร้อมชงเข้าครม.6ส.ค.นี้

On August 1, 2019

วันนี้ (1 ส.ค.) เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม

ภายหลังการประชุม นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ แถลงผลการประชุมที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร สรุปสาระสำคัญว่า ที่ประชุมร่วม 4 หน่วยงานวันนี้ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ให้สำนักงบประมาณนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2562 ในวงเงินงบประมาณรายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยรายได้รัฐบาลสุทธิที่จะจัดเก็บได้ จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 2.75 ล้านล้านบาท ปรับลดลงเหลือ 2.731 ล้านล้านบาท หรือลดลงไป 1.9 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่เคยเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อตอนต้นปี ซึ่งสำนักงบประมาณจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบกรอบวงเงินเพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป

ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกล่าวต่อไปว่า ตามปฏิทินงบประมาณที่เสนอไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยสรุปคือ วันนี้มีการประชุม 4 หน่วยงาน เพื่อที่จะเห็นชอบให้สำนักงบประมาณนำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เสนอคณะรัฐมนตรีวันที่ 6 สิงหาคม 2562 ซึ่งคำของบประมาณจะเข้ามาที่สำนักงบประมาณวันที่ 9 สิงหาคม 2562 โดยสำนักงบประมาณคาดว่าจะสามารถนําเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาวาระที่ 1 ตามกำหนดการ วันที่ 17 ตุลาคม 2562 และวาระที่ 2-3 ประมาณต้นเดือนมกราคม 2563 จากนั้นจึงเสนอวุฒิสภาพิจารณาประมาณกลางเดือนมกราคม 2563 คาดว่าจะสามารถนําร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ขึ้นทูลเกล้าฯประมาณปลายเดือนมกราคม 2563

ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกล่าวถึงแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2563-2565) ว่า จะมีการปรับในส่วนของรายได้รัฐบาลสุทธิ จากเดิมกำหนดประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิในปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ 2,750,000 ล้านบาท ได้ปรับลดลงมา 19,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะได้มีการประชุมทบทวนกำหนดกรอบรายได้รัฐบาลสุทธิของแผนการคลังระยะปานกลางอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าแผนการคลังระยะปานกลางจะสมดุลในปี 2573 ซึ่งต้องดูตามความเป็นจริงอีกครั้งว่าจะสามารถถึงจุดสมดุลได้ในปีนั้นหรือไม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยว่าจะต้องใช้จ่ายงบประมาณเท่าไรในการรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละปีจากนี้ไป

พร้อมกันนี้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเปิดเผยว่า ช่วงที่รอพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 ประกาศใช้ สำนักงบประมาณจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบใช้งบประมาณปีก่อนหน้าไปพลางก่อน โดยใช้ฐานงบประมาณปี 2562 จัดสรรให้ไม่เกินกึ่งหนึ่งหรือครึ่งหนึ่ง ประกอบด้วย เรื่องของเงินเดือน รายจ่ายประจำ ที่มีฐานเดิมอยู่ในปี 2562 และงบลงทุนที่มีสัญญาแล้ว ซึ่งงบไปพลางก่อนจะไม่มีรายการใหม่ ฉะนั้นงบประมาณที่มีการพูดถึงว่าจะหายไปนั้นที่จริงแล้วยังมีอยู่ เงินเดือน ทุกอย่างพร้อมที่จะจ่ายทั้งหมด และงบลงทุนก็ยังมีของรัฐวิสาหกิจอยู่ ยังมีรายการที่ภาครัฐและเอกชนร่วมลงทุนหรือ PPP และมีกองทุน Thailand Future Fund ที่จะนำมาใช้กระตุ้นหรือรักษาเสถียรภาพของการใช้จ่ายในช่วง 3 เดือนจากนี้ไปคือ ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคมได้ และเมื่องบประมาณประจำปี พ.ศ. 2563 ออกมาประมาณเดือนมกราคม 2563 ก็เริ่มดำเนินการได้ ซึ่งระหว่างเดือนมกราคม 2563 ก่อนหน้านั้นสำนักงบประมาณจะออกมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อที่จะสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายทันทีหลังจากที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 ประกาศใช้


You must be logged in to post a comment Login