วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

“พิชัย”ห่วงนโยบายรัฐบาล”ค่าแรง-สินค้าเกษตร”เพิ่มปัญหามากกว่าแก้

On July 15, 2019

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และล่าสุด ครม.เศรษฐกิจได้เริ่มเสนอนโยบายเศรษฐกิจแล้ว เกรงว่าอาจจะยิ่งเพิ่มปัญหาทางเศรษฐกิจให้กับประเทศมากกว่าจะแก้ไขปัญหา เช่น นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอให้ลดภาษีบุคคลธรรมดาลงมาให้ใกล้เคียงกับภาษีนิติบุคคล ซึ่งโดยหลักการแล้วควรเป็นเช่นนั้นหากว่าประเทศไทยมีการกระจายรายได้ที่ดีพอ แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้น จึงอยากให้นายอุตตมได้ไปศึกษาโครงสร้างผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาให้ดีก่อนที่จะเสนอแนวคิด

อยากถามว่านายอุตตมมีวัตถุประสงค์เช่นไรในการลดภาษีบุคคลธรรมดา เพราะการลดภาษีบุคคลธรรมดาเพื่อคาดหวังว่าคนที่ได้ประโยชน์เพียงแค่ 2 แสนกว่าคนเท่านั้นจะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งไม่น่าจะใช่ เพราะคนรวยจะเก็บมากกว่าจะจับจ่ายใช้สอย แต่ประเทศจะขาดรายได้จากภาษีบุคคลธรรมดาไปเป็นจำนวนมาก และจะยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำที่ประเทศมีปัญหามากอยู่แล้ว อีกทั้งรัฐบาลนี้มีนโยบายที่ต้องใช้เงินกับการลดแลกแจกแถมในโครงการประชารัฐอีกมาก จะหาเงินมาจากไหน ที่ผ่านมา 5 ปี ก็ก่อหนี้แล้วกว่า 2 ล้านล้านบาท แต่เศรษฐกิจกลับยิ่งย่ำแย่ รัฐบาลจะลดภาษีที่เป็นรายได้ของรัฐแต่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายของรัฐ แล้วจะเอาเงินจากที่ไหน จะกลายเป็นกู้มาเพื่อนำมาแจก ซึ่งจะสร้างปัญหามากขึ้น

นอกจากนี้นโยบายที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงค่าแรงขั้นต่ำที่ 400-425 บาท ได้เคยทักท้วงไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ ค่าแรงขั้นต่ำควรจะต้องขึ้น และจะต้องทยอยขึ้นทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อและการพัฒนาของประเทศ แต่ที่ผ่านมา 5 ปี รัฐบาลแทบไม่ยอมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเลยหรือขึ้นก็น้อยมาก อีกทั้งปัญหาทางการเมืองทำให้การลงทุนในประเทศไทยหดหายมาตลอด ขนาดคนไทยยังหันไปลงทุนต่างประเทศมากกว่าจะลงทุนในไทย

การจะขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโดดทั้งที่การลงทุนในประเทศมีน้อยอยู่แล้วจะยิ่งทำให้การลงทุนหายไปอีก เศรษฐกิจจะยิ่งทรุด ธุรกิจจะเจ๊งกันมาก โดยเฉพาะเอสเอ็มอี และแรงงานจะตกงานกันเพิ่มขึ้นอีกมาก ดังนั้น จึงอยากให้พิจารณาให้ดี ซึ่งจริงๆแล้วหากไม่ได้มีการปฏิวัติและมีการลงทุนเป็นปกติทุกปี ค่าแรงก็จะค่อยๆทยอยปรับเพิ่มขึ้นทุกปี ป่านนี้ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 400 บาทแล้ว

นอกจากนี้ยังอยากเห็นว่ารัฐบาลมีนโยบายจะเพิ่มราคาสินค้าเกษตรได้อย่างไร เพราะก่อนเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐหาเสียงไว้ในเรื่องราคาสินค้าเกษตรในระดับที่สูงมาก เช่น ปาล์มกิโลกรัมละ 5 บาท ยางกิโลกรัมละ 65 บาท ข้าวตันละ 12,000 บาท อ้อยตันละ 1,000 บาท เป็นต้น ซึ่งหากทำจริงต้องใช้เงินอีกมหาศาล จะหาเงินมาจากไหน และรัฐจะต้องใช้จ่ายเสียหายมากกว่าการรับจำนำข้าวมาก ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าประชาชนส่วนใหญ่เป็นห่วงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาก เพราะรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 3 คน ต่างมีภาพลักษณ์ในแนวทางที่จะห้ามเกษตรกรโวยวายหรือประท้วงมากกว่าจะแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรให้เป็นผลอย่างจริงจัง จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจในนโยบายอย่างละเอียด เพราะจะส่งผลกระทบแก่ประชาชนและอนาคตของประเทศอย่างมาก

อีกทั้งอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์แทนที่จะแนะนำให้คนอ่านหนังสือ ตั้งแต่จินดามณีจนถึงแอนนิมอล ฟาร์ม พล.อ.ประยุทธ์ควรจะต้องอ่านหนังสือทางด้านเศรษฐกิจมากๆ โดยเฉพาะหนังสือเศรษฐกิจสมัยใหม่จากต่างประเทศ เพื่อที่จะได้ตามโลกทัน และจะได้ไม่เสนอแนวคิดสวนกระแสโลกอีก


You must be logged in to post a comment Login