วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

“บิ๊กตู่”ปัดเอี่ยวตั้งรัฐบาลชี้เป็นเรื่องฝ่ายการเมือง

On March 26, 2019

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุม คสช. และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยนายกฯ ได้ยื่นกระดาษที่รวบรวมคำถามของผู้สื่อข่าวส่งคืนให้กับตัวแทนนักข่าว ก่อนกล่าวว่า คำถามทั้งหมดจากหลายสื่อที่ถามมา ตนขอส่งคืน และขอกราบเรียนว่า วันนี้ตนเองยังไม่มีส่วนไปเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง แต่ในฐานะนายกฯ และหัวหน้า คสช. ต้องขอบคุณคนไทยทุกคนที่ร่วมแสดงพลังออกเสียงเลือกตั้งจำนวนมาก ตนจะตั้งใจในการบริหารราชการในฐานะเป็นนายกฯ หัวหน้า คสช. และรัฐบาลไปจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ในเมื่อเราให้ความสนใจเรื่องประชาธิปไตยไปแล้ว และมีการเลือกตั้งไปแล้วซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สงบ และสันติ วันนี้จึงอยากให้ทุกคนมามุ่งสู่พิธีสำคัญคือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 

“ประเทศไทยอย่าลืมว่าเรามีศักยภาพมากมาย เราต้องเอาศักยภาพนี้มาเดินหน้าประเทศไปให้ได้ ภายใต้หลักการศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนในทุกมิติตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ผมขอให้ทุกคนช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ผมเคารพในเสียงตัดสินใจของประชาชนทุกคนในประเทศไทย เพราะทุกคนคือคนไทย นั่นคือการแสดงออกของคนในประเทศนี้ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซึ่งมีเทคโนโลยีและดิจิตอลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น  และรัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนตามความต้องการของประชาชนให้ได้ ผมยืนยันว่า จะนำพาประเทศชาติ ไปสู่เส้นทางที่มีความรักความสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ ในการเดินหน้าประเทศไทยต่อไปในอนาคต” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ย้ำว่าที่พูดมาทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะนี่คือการบ้านและการบริหารราชการแผ่นดิน ตราบใดที่เป็นรัฐบาลอยู่ก็ต้องทำแบบนี้ ต้องทำให้เหมือนกับ5ปีที่ผ่านมา และต้องทำให้ดีขึ้น เพียงแต่ขอความเข้าใจ ขอความร่วมมือจากประชาชนโดยรวม วันหน้าจะเกิดขึ้นสุดแล้วแต่ประชาชนเป็นผู้พิจารณา ขอขอบคุณทุกคนในการเลือกตั้ง และขอบคุณข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และทหารที่ดูแลพื้นที่ชายแดน ภารกิจดูแลความไม่สงบที่เกิดขึ้น ที่ได้เสียสละชีวิต แต่ไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทน ส่วนคนไม่ดีจะต้องถูกดำเนินการ ตามที่มีพระบรมราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ระบุว่าให้คนดีปกครองบ้านเมือง หรือปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อดูแลประชาชน ให้สมศักดิ์ศรีการเป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน ซึ่งเป็นพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานมาหลาย10ปีแล้ว ก็ยังคงมีความทันสมัยอยู่ ซึ่งถือเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอดความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศไทย 

“ดังนั้น อะไรที่เป็นอัตลักษณ์ที่ไม่ดี การทุจริต โกงกิน การทำผิดกฏหมาย เป็นบ่อเกิดของสังคมที่ไม่ปกติสุขมาโดยตลอด ดังนั้นต้องแลกเอาว่า หากต้องการให้บ้านเมืองสงบ ต้องเคารพกฏหมาย และต้องปรับแก้ทั้งเรื่องการค้าขาย อะไรที่เป็นผลกระทบซึ่งกันและกัน หากมองแต่ประโยชน์ส่วนตัว ก็ไม่เกิดประโยชน์ส่วนรวม อีกทั้งโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากไม่คำนึงถึงประวัติศาสตร์ และไม่นึกถึงปัญหาที่ซับซ้อน ก็คงเป็นไปไม่ได้” นายกฯ กล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามว่า จะไม่ตอบโต้ประเด็นการเมืองไปจนถึงมีรัฐบาลใหม่หรือไม่ รวมถึงที่ระบุว่าที่สบายใจ เพราะจะได้เป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ส่ายหัวและไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

นอกจากนี้นายกฯ ยังแนะนำให้ทุกคนไปอ่านหนังสือของ ดร.สไว บุญมา ชื่อ “สู่จุดจบ” ที่ระบุถึงจุดจบของทุกประเทศในโลกใบนี้คือหากเราเดินหน้าพัฒนาประเทศไปจากประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ตั้งแต่โบราณกาลในทุกภูมิภาคของโลก รวมถึงภูมิภาคอาเซียน ยุโรป ตะวันตกหรือที่ใดก็ตาม หากไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์และความเป็นมาของชาติพันธุ์ต่างๆ ที่มีความแตกต่างก็จะมุ่งไปสู่จุดจบเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งเมื่อเช้าได้หยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งเป็นเรื่องทั่วๆไป ระบุข้อความสำคัญว่า ในโลกใบใหม่นี้ ประชาชนทุกคนมีความฝันและมีความหวัง ดังนั้นจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้เข้มแข็งขึ้นในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการปฏิบัติในเรื่องกฎหมาย และองค์กรต่างๆ.

ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวพบว่า เป็นหนังสือที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยสั่งเก็บออกจากแผงหนังสือทั้งหมด แต่มีการนำมาแจกให้อ่านฟรี ซึ่งเนื้อหาในหนังสือ ผู้เขียนได้ทำนายไว้หลายปีแล้วเกี่ยวกับประเทศที่เจริญและประเทศที่เสื่อมสลายในประวัติศาสตร์โลกเมื่อเทียบกับประเทศไทย ไทยมาถึงจุดจบที่จุดใด


You must be logged in to post a comment Login