วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

“ศรีสุวรรณ”ร้องกกต.ยุบทษช.แนะส่งศาลวินิจฉัยจี้”ปรีชาพล”แสดงสปิริต

On February 11, 2019

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธาน กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง กรณีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โดยขอให้ไต่สวนวินิจฉัยและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการกระทำของ ทษช. ขัดต่อระเบียบกฎหมายหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของ ทษช. ถือเป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่เหมาะสม และเมื่อมีพระราชโองการเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จึงมีความชัดเจนว่า ทษช. กระทำการโดยไม่เหมาะสมและไม่บังควร ขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

“การดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเป็นข้อห้ามตามระเบียบหาเสียงเลือกตั้ง จึงเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (2) ชัดเจน ทางสมาคมเห็นควรให้ กกต. ต้องดำเนินการให้ได้ข้อยุติและเป็นบรรทัดฐาน อีกทั้งต้องดำเนินการให้ได้ข้อยุติอย่างหนึ่งอย่างใดโดยเร็วก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ซึ่งเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องเร่งรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอให้คณะกรรมการ กกต. มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อยุบพรรค ทษช. ต่อไป หาก กกต. ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วภายในสัปดาห์นี้แล้วส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันที การวินิจฉัยก็จะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทันก่อนการเลือกตั้งแน่นอน แต่หาก กกต. ดำเนินการชักช้าหรือปล่อยให้เป็นไปตามปรกติ ทษช. ยังมีสิทธิหาเสียงและเข้าสู่การเลือกตั้ง ความวุ่นวายทางการเมืองจะหวนกลับมา หากผลคำวินิจฉัยของศาลออกมาหลังการเลือกตั้ง ส.ส. จะต้องวิ่งไปหาพรรคสังกัดใหม่ให้ได้ภายใน 30 วัน คสช. ก็จะมีอำนาจบริหารประเทศต่อไปอีก ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและการบริหารประเทศ ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องให้ กกต. วินิจฉัยยุบพรรค ทษช. เพราะตนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และถือเป็นผู้เสียหายหากต้องเลือกพรรค ทษช.”

นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า แม้ ทษช. จะประกาศว่าไม่ได้ดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อมีพระราชโองการแล้ว หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคควรแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการออกแถลงการณ์น้อมรับพระราชโองการ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง หลายคนอาจไม่พอใจ เพราะเป็นการดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารของพรรค ทษช. ควรแสดงสปิริตด้วยการลาออก หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงของ ทษช. จะถูกตำหนิติเตียนต่อไป แต่ถ้ายอมแสดงสปิริตก็จะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของ ทษช. ให้กลับคืนมาได้ ทั้งนี้ กรณีสถาบันฯนั้นไม่เคยถูกนำมาใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง ไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ในหมวดพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีของไทยก็ยึดถือให้สถาบันฯเป็นที่เคารพเทิดทูน แต่ยุคนี้กล้าหาญชาญชัย โดยเห็นว่าพระราชโองการได้อรรถาธิบายไว้ชัดเจนแล้ว


You must be logged in to post a comment Login