วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ลดกระแสดูด

On June 22, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

กำหนดการหารือระหว่าง “บิ๊กป้อม” กับตัวแทนพรรคการเมืองที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน น่าจะยิ่งส่งผลให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองมีความคึกคักมากขึ้นเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะการสะสมไพร่พลเพื่อรอทำศึกเลือกตั้ง และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในทางลบกับภาพลักษณ์นักปฏิรูปมากจนเกินไป จึงมีเสียงกระแอมไอออกมาจากบิ๊กใน คสช. เตือนบรรดาสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ถ้าล้ำเส้นมากอาจถูกเชิญไปปรับทัศนคติได้

ภาพถ่าย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนจับมือกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ในโอกาสเดินทางไปเยือนลอนดอน เป็นสิ่งยืนยันอย่างหนึ่งว่าสถานการณ์ด้านต่างประเทศของรัฐบาลทหาร คสช. คลี่คลายมากขึ้นหลังโรดแม็พเลือกตั้งมีความชัดเจน

ภาพนี้และภาพต่อไปที่จะได้พบปะหารือกับผู้นำฝรั่งเศสก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของ “บิ๊กตู่” ดีขึ้นและมีเครดิตมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำให้กองเชียร์ในประเทศไทยหัวใจพองโตมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

ตัดฉากกลับมาที่ประเทศไทย การหารือระหว่างพี่ใหญ่ คสช. “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับตัวแทนพรรคการเมืองที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ได้รับการตอบรับจากพรรคการเมืองด้วยดี มีเพียงพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ที่ชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่าไม่ขอร่วมวงหารือด้วย

การเลือกสโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นที่ประชุมหารือ น่าจะเรียกบรรยากาศเก่าๆในวันที่นักการเมืองพากันติดกับดักไปร่วมประชุมกับผู้นำเหล่าทัพเพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก่อนที่ “บิ๊กตู่” จะทุบโต๊ะประกาศยึดอำนาจแล้วนำตัวนักการเมืองทั้งหมดที่เข้าร่วมหารือไปกักตัวไว้ในค่ายทหาร

สถานที่ที่ใช้ประกาศยึดอำนาจถูกใช้เป็นสถานที่ประชุมเตรียมการเลือกตั้งก็น่าจะทำให้บรรดานักการเมืองย้อนคิดทบทวนบทบาทของแต่ละฝ่ายที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ขณะที่ฝ่ายคุมอำนาจก็ยังได้บรรยากาศความเข้มขลังของอำนาจที่ยังถืออยู่ในมืออีกด้วย

การให้ “บิ๊กป้อม” นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานหารือกับตัวแทนพรรคการเมืองในช่วงที่ “บิ๊กตู่” เดินสายเยือนต่างประเทศน่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความจงใจ

ทั้งนี้เพราะภาพของ “บิ๊กป้อม” มีความประนีประนอมมากกว่า “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” ก็ยังมีบารมีที่จะทำให้นักการเมืองเกรงใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะในกลุ่มที่เคยทำงานร่วมกันมาในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งน่าจะทำให้บรรยากาศการประชุมเป็นไปในทิศทางที่ดี

การกัน “บิ๊กตู่” ออกจากวงประชุมรอบแรกยังเป็นการเปิดช่องไม่ให้เกิดข้อผูกมัดกับฝ่ายคุมอำนาจมากเกินไป เพราะถึงแม้ “บิ๊กป้อม” จะมีสถานะเป็นพี่ใหญ่ใน คสช. แต่ “บิ๊กตู่” ในฐานะหัวหน้า คสช. และหัวหน้ารัฐบาล ถ้าไม่ได้รับปากอะไรด้วยตัวเองยังสามารถบ่ายเบี่ยงได้หากมีความจำเป็น

การนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานถกร่วมกับพรรคการเมืองรอบแรกของ “บิ๊กป้อม” ก็เหมือนแนวปฏิบัติทั่วไปที่ให้เจ้าหน้าที่ไปพูดคุยเจรจาเพื่อหาข้อยุติร่วมกันในเบื้องต้นก่อนที่จะลงรายละเอียดที่ 2 ฝ่ายรับได้

เมื่อได้สิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับร่วมกันแล้ว “บิ๊กตู่” จึงมานั่งเป็นประธานการประชุมในรอบที่สอง ซึ่งต้องรอไปจนกว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะมีผลบังคับใช้แล้ว นั่งนับนิ้วไปอีก 180 วัน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ข่าวการดูดอดีต ส.ส. เข้าสังกัดกำลังถูกโหมจากหลายฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในทางลบกับภาพลักษณ์นักปฏิรูปมากจนเกินไป จึงมีเสียงกระแอมไอออกมาจากบิ๊กใน คสช. เตือนบรรดาสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ถ้าล้ำเส้นมากอาจถูกเชิญไปปรับทัศนคติได้

แม้จะไม่ได้พูดชัดว่าเป็นเรื่องอะไร แต่หนึ่งในหัวข้อใหญ่น่าจะเป็นเรื่องดูดอดีต ส.ส. แน่นอน


You must be logged in to post a comment Login