วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

จาก‘นาฬิกา’ถึง‘เสือดำ’ / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On February 19, 2018

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ

ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

เมืองไทยมีเรื่องให้หัวเราะแบบขื่นๆได้เรื่อยๆ เรื่อง “นาฬิกา” ของคนระดับรองนายกฯนั่นก็เรื่องหนึ่ง มันเลยแล้วสำหรับเรื่องสปิริต วุฒิภาวะ ความละอายแก่ใจ การอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ สถาบัน จนถึงเรื่องสันดาน ส่วนจะเลยไปถึงเรื่องไหน อันนี้ก็ไปพิ’ณากันเอาเองตามฐานานุรูป

ล่าสุดเรื่อง “มหาเศรษฐีแสนล้าน” สะสมปืน งาช้าง หนังสัตว์ และเข้าป่า “ล่าสัตว์สงวน” ในป่าที่เป็น “มรดกของโลก”

เรื่องแบบนี้คิดแบบพล็อตหนังที่ สนจ. เขียนบทและกำกับ พล็อตมันธรรมดามากๆ เป็นแพตเทิร์นหรือรูปแบบดาดๆ จะว่าไปเป็นพล็อตหนังระดับ B ประเภทระเบิดภูเขา เผากระท่อมเสียด้วยซ้ำ หาความคลาสสิกลุ่มลึกอะไรไม่ได้เลย

ตัวเอกเป็นมหาเศรษฐี ชอบเล่นปืน เข้าป่าล่าสัตว์เป็นนิจศีล เวลาเข้าก็จะมี “ขาใหญ่” เคลียร์เส้นทางและใช้อภิสิทธิ์ละเมิดหรือละเลยกฎระเบียบให้ ไอ้พวกตัวเล็กตัวน้อยที่ดูแลป่าอยู่พอได้รับคำสั่งว่า “เฮ้ย! นายขอมา เพื่อนนาย” หน้าไหนจะกล้าตรวจสอบ

แต่กรณีพระเอกโดนจับคาซากสัตว์และปืน อันนี้ภาษาหนังเขาเรียก “ทวิสต์ พล็อต” คือมีรายการ “หักหลัง” วางยาโดย “ขาใหญ่” อีกคนยกหูไปสั่งตัวประกอบพวกที่เฝ้าป่า ซึ่งปล่อยให้พระเอกแบกปืน หอบแม่ครัวเข้าไปตั้งแคมป์ล่าเสือเรียบร้อยแล้ว บทพูดก็จะประมาณ “เฮ้ย! มึงยกพวกไปจับมันเลย มีอะไรกูค้ำให้เอง” ขาใหญ่รายหลังนี่ยังไงก็ต้องใหญ่จริงและใหญ่กว่ารายแรกที่คอยเคลียร์เส้นทางให้พระเอก

พล็อตแบบนี้ก็แค่หนังแอ็คชั่น หักเหลี่ยม ลูบคมของ “คนในองค์กร” หรือ “ขาใหญ่หักขาใหญ่” หรือขาใหญ่วางแผนซ้อนกลพระเอก เรียกว่า “เอาสองเด้ง” เด้งแรก-กูทำให้มึงโดนจับ เสียชื่อ กระทบไปถึงฐานะในสังคมและเงินๆทองๆ เด้งสอง-ตบทรัพย์สิ หรือภาษาประกิตเขาเรียก “แบล็กเมล์” นั่นแหละ

พล็อตแบบนี้ทำกันมาจนเบื่อ ทำจนเฝือ ในที่สุดพอหนังแนวนี้ออกมาคนก็เฉยไม่ดู แต่ถึงกระนั้นพล็อตแบบนี้ก็ยังขายได้เรื่อยๆ

สตีเวน ซีกัล หรือฌอง-คล็อด แวน แดมม์ เข้ามาทำหนังต้นทุนต่ำในเมืองไทยไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่องแล้ว เพราะยังมีตลาดที่ดูหนังพวกนี้หรือฟังเรื่องแบบนี้เพื่อความบันเทิง ไม่ได้รู้สึกรู้สาหรือเอาสาระอะไรมาคิดต่อ ไม่รู้จักวิธีต่อจิ๊กซอว์ จับแพะชนแกะแล้วจะเห็น “ภาพรวม”

ส่วนไคลแมกซ์ที่ว่าพระเอกของเรื่องจะถูกจับติดคุกน่ะเมินเสียเถอะ ถึงคนเขียนบทและผู้กำกับฯจะทำออกไปอย่างนั้น จบอย่างนั้น แต่พอหนังจะเข้าโรง นายทุนที่อยู่เบื้องหลังก็จะสั่งให้ “เปลี่ยนตอนจบ” ยกฉากที่ถ่ายเอาไว้แล้วทิ้งหมดแล้วเขียนบทใหม่ให้พระเอกรอดคุกกลับไปใช้ชีวิตแสนล้านอย่างมีความสุข

หนังเรื่องเข้าป่าล่าเสือดำก็จะจบแบบสุขนาฏกรรม วินๆกันไปทุกฝ่าย

ส่วนคนดูจะดูหรือไม่ดู ดูแล้วจะโห่ฮาป่าให้รางวัล “มะเขือเทศเน่า” หรือหนังสุดห่วยแห่งทศวรรษก็เรื่องของพวกมึง

เงินกู หนังของกู ใครเขาไปให้ราคาพวกมึง พวกมึงก็แค่คนดู…ฮา


You must be logged in to post a comment Login