วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

สงครามเกาหลียังเสี่ยงปะทุ

On August 15, 2017

“สงครามน้ำลาย” ระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ ที่ปะทุแรงปริ่มจะเกิดสงครามขึ้นจริงในความรู้สึกของหลายฝ่าย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดองศาความเดือดลงระดับหนึ่ง

ขณะความคลุมเครือที่แฝงด้วยความเสี่ยง ยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ทำให้นักวิเคราะห์ไม่กล้าฟันธงเต็มร้อยว่า จะไม่เกิดสงครามขึ้น

เงื่อนไขสำหรับยุติความขัดแย้งที่สหรัฐตั้งไว้คือ เกาหลีเหนือต้องยุบเลิกโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์

แต่เกาหลีเหนือภายใต้การนำของนายคิม จองอึน ย้ำจุดยืนเดิมอย่างหนักแน่นว่า ไม่มีแผนลามือ โดยจะดำเนินโครงการต่อไป เพื่อยกระดับประเทศ สู่ความเป็นชาติมีอาวุธนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ

นอกจากนั้น เกาหลีเหนือยังตั้งเงื่อนไขว่า สหรัฐและเกาหลีใต้ต้องยุติการซ้อมรบร่วม ซึ่งเกาหลีเหนือเห็นว่าเป็นการยั่วยุ

สหรัฐและเกาหลีใต้เมินข้อเสนอของเกาหลีเหนือมาต่อเนื่องเช่นกัน และกำหนดซ้อมรบร่วมครั้งใหม่นาน 11 วัน ระหว่าง 21-31 ส.ค.นี้

เมื่อข้อเสนอไม่ได้รับการสนองจากทั้ง 2 ฝ่าย เกมยั่วยุทั้งการกระทำและคำพูดจึงยืดเยื้อเรื่อยมา รวมทั้งเพิ่มระดับรุนแรงขึ้น

โดย “ยก” ล่าสุด เกิดขึ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามที่เกริ่นนำ ซึ่งฝ่ายโสมแดงทำให้ชาวโลกตื่นตระหนก ด้วยการประกาศเตรียมยิงขีปนาวุธ “โจมตี” เกาะกวม ที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐ ระบุว่า จะยิงให้ตกสู่ทะเลห่างจากเกาะกวมประมาณ 30-40 กิโลเมตร

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ในทวิตเตอร์ตอบโต้ด้วยคำพูดดุเดือด ขณะพล.อ.เจมส์ แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ออกมาเสริมทำนองว่า หากเกาหลีเหนือโจมตีสหรัฐ เท่ากับเกาหลีเหนือ “ฆ่าตัวตาย”

จีน ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของเกาหลีเหนือ วิตกต่อความตึงเครียดที่เขม็งเกลียวขึ้น เรียกร้องให้ 2 ฝ่าย อดทนอดกลั้น และขอให้ยุติการยั่วยุกัน

หนังสือพิมพ์ Global Times ฉบับออนไลน์ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงอย่างไม่เป็นทางการของรัฐบาลจีน ถ่ายทอดท่าทีของจีนผ่านบทบรรณาธิการว่า ถ้าเกาหลีเหนือโจมตีสหรัฐก่อน และเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธ จีนจะวางตัวเป็นกลาง

แต่ถ้าสหรัฐและเกาหลีใต้โจมตีเกาหลีเหนือก่อน อีกทั้งมีแผนโค่นนายคิม จองอึน ลงจากอำนาจ จีนจะเข้าไปขัดขวางและปกป้องนายคิม จองอึน

Global Times ระบุว่า จีนร่วมกับรัสเซียพยายามคลี่คลายสถานการณ์ และหาแนวทาง ป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกันด้วยอาวุธขึ้น

ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แม้ “สงครามน้ำลาย” จะดุเดือดร้อนแรง แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ไม่น่าจะบานปลายถึงขั้นใช้กำลังทหารเข้าห้ำหั่นกัน

ยกเว้นกรณีการประเมินสถานการณ์ผิด และเข้าใจอีกฝ่ายคลาดเคลื่อน 


You must be logged in to post a comment Login