วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

คดียิ่งลักษณ์จะเป็นจุดเปลี่ยน? / โดย Pegasus

On July 24, 2017

คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน

ผู้เขียน : Pegasus

คดีโครงการรับจำนำข้าวรู้กันดีว่าเป็นเรื่องทางการเมืองและมี “ธง” อยู่ เจ้าของธงไม่รู้ว่าจะอยู่ดีมีสุขหรือมีอันเป็นไปแล้ว เพราะไม่ทราบว่าเป็นใคร จึงต้องบอกว่าเป็น “มือที่มองไม่เห็น” คอยบงการเรื่องราวต่างๆมาจนบัดนี้ ประเทศชาติจะเสียหายล่มสลาย ประชาชนจะล้มตายแค่ไหนก็ยอม ขอเพียงทำลาย “ตระกูลชินวัตร” ที่บังอาจมาเทียบแข่งบารมีได้เท่านั้น จนมีคำกล่าวว่า “เผาผลาญบ้านเรือนเพียงเพื่อจับหนูตระกูลเดียว”

เรื่องการเลือกตั้งหรือการสืบทอดอำนาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ การทำลายล้างฝ่ายประชาธิปไตยเพราะมีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเป้าหมาย กลายเป็นจุดพลิกผันของสถานการณ์ทั้งหมด เพราะเป็นจุดสูงสุดของการประลองกำลังที่ยืดเยื้อมายาวนาน

ฝ่ายการเมืองก็รอคอยให้ภาวะเศรษฐกิจล่มสลายเหมือนที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เคยทำนายไว้ มาบัดนี้สถานการณ์ทุกอย่างก็ประจวบเหมาะกัน เพราะสภาพเศรษฐกิจที่บีบคั้นประชาชนจนมีปัญหาการทำมาหากิน แต่ฝ่ายผู้มีอำนาจกลับใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและไร้ประสิทธิภาพ ไม่ได้มุ่งที่จะช่วยเหลือประชาชนก่อน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีความลำบากยากแค้นและรุมโจมตีสภาพสังคมที่ลำบากยากจนดังมากขึ้นทุกที

เมื่อปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจเกิดขึ้นพร้อมๆกันก็อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนและผู้นำชุมชนในทุกระดับว่าจะคิดอ่านกันอย่างไรกับอนาคตของตัวเอง จะปล่อยให้ชีวิตไร้ความหวังไปอีกนานแค่ไหน และยังจะส่งผลถึงลูกหลานอีกยาวไกล

การตัดสินคดีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ทุกคนต่างเชื่อว่าผลการตัดสินจะออกมาตามกระแสข่าว แน่นอนว่าหากผลการตัดสินเป็นไปตามกระแสข่าวก็หมายถึงอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์จะสูญสิ้นอิสรภาพ  แสดงว่าเรื่องนี้มี “ธง” กำหนดไว้แล้วเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมืองให้สิ้นซากอย่างไร้ความปรานีใดๆ ซึ่งไม่เคยมีในการเมืองไทย

ประชาชนจะมองเห็นสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากผู้มีอำนาจต้องการกระชับอำนาจอย่างไร้ความปรานี ซึ่งจะเป็นเครื่องตัดสินใจของประชาชนว่าควรเลือกทางเดินของตนอย่างไร จะปล่อยให้บ้านเมืองไม่มีความยุติธรรมหรือจะแสวงหาความยุติธรรมก็อยู่ที่ประชาชน

อย่างไรก็ตาม ลำพังประชาชนคงไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้หากไม่มีปัจจัยมากระตุ้นให้เกิดความต้องการอย่างแรงกล้า ตัวกระตุ้นที่ว่าคือ ปัญหาเศรษฐกิจที่ทำให้การค้าขายฝืดเคือง ประชาชนไม่มีรายได้อย่างที่ควรจะเป็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราคาพืชผลที่ตกต่ำ แม้กระทั่งการศึกษาและการรักษาพยาบาลยังมองไม่เห็นว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจที่ยังถูกนานาประเทศบีบคั้นอย่างเงียบๆ ประกอบกับความไร้ความสามารถในการบริหารจัดการ และการกอบโกยผลประโยชน์ของกลุ่มทุนผูกขาดสามานย์ที่ร่วมมือกับผู้มีอำนาจ จะเป็นแรงกระตุ้นอย่างมากกับประชาชนที่จะลุกขึ้นมา

สถานการณ์ขณะนี้ขาดสิ่งเดียวคือ การรวมกลุ่มของประชาชนอย่างเหนียวแน่นโดยไม่ต้องไปฟังนักการเมืองหรือนักเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น เพื่อให้การออกมาของประชาชนไม่เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งการรวมกลุ่มกันต้องเป็นไปอย่างมีเป้าหมายและมีปัญญา คดีทางการเมืองจึงจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบ้านเมือง

เมื่อการรวมกลุ่มของประชาชนมีจำนวนมากพอและมีสติปัญญาความฉลาดเพียงพอก็สามารถเกิดพลังที่ทำให้ทุกฝ่าย แม้แต่ผู้ที่สนับสนุนฝ่ายเผด็จการเกิดอาการ “ตาสว่าง” และยังจะเป็นการดึง “ศัตรูมาเป็นมิตร” กระชับพลังของประชาชนให้เข้มแข็ง และเกิดการรวมกลุ่มของมวลชนจำนวนมากให้เห็นอย่างชัดเจนและมีเป้าหมาย ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ


You must be logged in to post a comment Login