วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

รอลุ้นปฏิรูปท้องถิ่น / โดย ลอย ลมบน

On October 24, 2016

คอลัมน์ : จับกระแสการเมือง
ผู้เขียน : ลอย ลมบน

การปฏิรูปประเทศในส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่น แม้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการการปฏิรูปประเทศด้านการปกครองส่วนท้องถิ่นให้ควบรวมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เข้ากับเทศบาล เพื่อให้เหลือรูปแบบการปกครองท้องถิ่นรูปแบบเทศบาลเพียงอย่างเดียว

แต่ทุกอย่างก็ยังไม่เกิดความชัดเจน

ไม่ชัดเจนเพราะนั่นเป็นเพียงความเห็นของ สปท. ซึ่งเป็นสภาที่มีอำนาจศึกษาและทำข้อเสนอแนะ ไม่มีอำนาจตัดสินชี้ขาด

มติของ สปท. ยังต้องส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาว่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอหรือไม่ หากเห็นด้วยก็ต้องดำเนินการยกร่างกฎหมายส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาออกเป็นกฎหมายบังคับใช้อีกชั้นหนึ่ง

หาก ครม. ไม่เห็นชอบกับข้อเสนอของ สปท. การยุบ อบต. เพื่อให้เหลือรูปแบบการปกครองท้องถิ่นเพียงรูปแบบเดียวก็เป็นอันตกไป

นอกจากข้อเสนอให้ปฏิรูปการปกครองท้องถิ่นให้เหลือเพียงรูปแบบเดียวแล้ว ยังมีข้อเสนอปฏิรูปการควบคุมดูแลท้องถิ่นให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้หมายถึง อบต. เพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งหมดที่มีอยู่ โดยข้อเสนอของ ป.ป.ช. เป็นการเสนอตรงต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

เพื่อป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย ป.ป.ช. มีข้อเสนอ 4 ข้อ ประกอบด้วย

1.ให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แสดงทรัพย์สินโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ ห้ามพรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และผู้บริหาร อปท. อื่นให้การสนับสนุนผู้สมัครทุกกรณี ห้ามผู้สมัครเป็นผู้บริหาร อปท. แทรกแซงการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น

ให้แก้กฎหมายเพิ่มโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนให้หนักขึ้น กรณีทุจริตเลือกตั้งให้ตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต

2.แก้กฎหมายจัดเก็บรายได้ให้ฝ่ายข้าราชการเป็นผู้ประเมินภาษี เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของฝ่ายการเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องและเครือญาติ ให้มีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการจัดเก็บรายได้โดยมีข้าราชการในหน่วยงานและองค์กรภาคส่วนต่างๆในท้องถิ่นเป็นกรรมการ

ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้ อปท. เพื่อไม่ให้นักการเมืองระดับชาติเรียกรับผลประโยชน์จาก อปท. แต่หากมีกรณีจำเป็นรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณให้ อปท. เพื่อดำเนินการตามนโยบายได้ ให้ปรับแก้กฎหมาย ระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายโบนัสให้พนักงานส่วนท้องถิ่นให้เกิดความชัดเจนเพื่อป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์จากฝ่ายการเมือง ให้มีคณะกรรมการกลางพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งบุคคลเพื่อป้องกันการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง

3.ขยายอำนาจการถอดถอนนักการเมืองออกจากตำแหน่งของ ป.ป.ช. ให้ถึง อปท. ให้เผยแพร่ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างกับประชาชนเพื่อให้ประชาชนช่วยตรวจสอบดูแล

4.ห้ามใช้นโยบายประชานิยมที่ไม่สมเหตุผลกับอำนาจหน้าที่และงบประมาณหาเสียง ไม่ใช้ระบบอุปถัมภ์ในการบริหารงาน ต้องไม่มีพฤติการณ์แสวงหาผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ห้ามจัดสรรงบประมาณหรือทำโครงการเพื่อสร้างความนิยมก่อนหมดวาระดำรงตำแหน่ง

ทั้งหมดเป็นความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่นที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอความเห็นต่อผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ

จากนี้ต้องรอดูว่าผู้มีอำนาจจะส่งสัญญาณในการปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่นไปในทิศทางไหน อย่างไร จะเห็นด้วยกับสิ่งที่ สปท. และ ป.ป.ช. เสนอมาหรือไม่

ถ้าไม่เห็นด้วยจะมีแนวทางที่แตกต่างออกไปอย่างไร

หรือสุดท้ายแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่นเกิดขึ้น หากเป็นเช่นนั้นการรัฐประหารครั้งนี้ก็เข้าข่าย “เสียของ” เพราะจุดมุ่งหมายสำคัญของการยึดอำนาจก็เพื่อปฏิรูปประเทศในทุกด้าน ซึ่งเรื่องการปกครองท้องถิ่นก็เป็นหัวข้อใหญ่หัวข้อหนึ่งที่จำเป็นต้องปฏิรูปให้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ประชาชนซึ่งไม่มีอำนาจตัดสินใจทำได้เพียงปูเสื่อรอดู


You must be logged in to post a comment Login