วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ชนชาติษะมูด / โดย บรรจง บินกาซัน

On March 5, 2018

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอาหรับมีซากถิ่นฐานที่อาศัยของมนุษย์โบราณไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี หลงเหลืออยู่ให้เห็นอย่างเด่นชัด นั่นคือซากถิ่นฐานของชาวษะมูด ซึ่งนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์กล่าวว่าเป็นมนุษย์กลุ่มหนึ่งหลังสมัยของโนอาห์

ชาวษะมูดเป็นคนร่างใหญ่กำยำและแข็งแรง ขุดเจาะภูเขาเป็นที่อยู่อาศัย นอกจากนี้แล้วชาวษะมูดยังเข้มแข็งและมั่งคั่งอีกด้วย ดังนั้น ชนชาติอื่นจึงมักถูกชนชาติษะมูดข่มเหงรังแก ชาวษะมูดไม่มีศาสนาใดๆนอกจากการกราบไหว้สิ่งที่ตนเองคิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ด้วยความทะนงในความมั่งคั่งและความเข้มแข็งนี้เองที่ทำให้ชาวษะมูดใช้ชีวิตละเมิดขอบเขตศีลธรรม ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงเลือกชาวษะมูดคนหนึ่งชื่อซอลิฮ์ให้เป็นนบีทำหน้าที่ตักเตือน

ซอลิฮ์พยายามบอกชาวษะมูดว่ารูปปั้นต่างๆที่พวกเขาสร้างขึ้นมากราบไหว้บูชานั้นไม่ใช่พระเจ้าที่แท้จริง แต่พระเจ้าที่แท้จริงนั้นมีองค์เดียวที่เป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง พระเจ้าองค์นี้ต่างหากที่พวกเขาต้องเคารพสักการะและเชื่อฟังคำสอนของพระองค์ เขาพยายามบอกชาวษะมูดว่ามนุษย์ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อความผิดบาปที่ตัวเองกระทำไว้ในโลกหลังความตาย แต่ชาวษะมูดกลับหาว่าเขาบ้า

ความพยายามของซอลิฮ์ถูกต่อต้านจากชาวษะมูดหนักขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะจากบรรดาผู้นำที่มองเห็นว่าเขาเป็นแค่เพียงคนธรรมดาที่ไม่มีอำนาจใดๆ คนอาวุโสก็มองว่าเขาเป็นเด็กเมื่อวานซืน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ศรัทธาในตัวเขาและเชื่อฟังตามที่เขาบอก

เมื่อถูกต่อต้านหนักเข้าซอลิฮ์ก็ท้อแท้ ด้วยความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีอำนาจและบารมีใดๆ เขาจึงวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าให้ลงโทษคนพวกนี้

อย่างไรก็ตาม พระเจ้าได้บอกไว้เมื่อตอนที่พระองค์สร้างจักรวาลว่าความเมตตาของพระองค์เป็นคุณสมบัติที่สูงส่งเหนือสิ่งใด พระองค์ไม่ลงโทษมนุษย์ทันทีที่ทำผิด เพราะถ้าทำเช่นนั้นโลกนี้ก็คงไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่ แต่พระองค์จะให้โอกาสมนุษย์ได้สำนึกผิดและขออภัยโทษต่อพระองค์

พระเจ้าได้บอกซอลิฮ์ว่าพระองค์จะให้มีอูฐขนาดใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนเดินออกมาจากภูเขาเพื่อเป็นการแสดงถึงอานุภาพของพระองค์ และได้สั่งซอลิฮ์ให้บอกชาวษะมูดว่านี่คืออูฐของพระเจ้า มันต้องได้กินหญ้าและดื่มน้ำก่อนอูฐทั้งหมดของชาวษะมูด และมันต้องไม่ถูกทำร้าย

ชาวษะมูดไม่เคยเห็นอูฐตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน สำหรับชาวษะมูดแล้วอูฐตัวนี้คือสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขามีโอกาสได้เห็นเป็นบุญตา แต่สำหรับหัวหน้าชาวษะมูดผู้เป็นเจ้าของอูฐฝูงใหญ่ทนไม่ได้กับการเห็นอูฐตัวใหญ่นี้กินใบไม้ใบหญ้าและดื่มน้ำ พวกเขาเกรงว่าอูฐของพวกเขาจะอดกินและอดดื่ม ดังนั้น พวกเขาจึงสังหารอูฐของพระเจ้าอย่างเหี้ยมโหด และวางแผนกำจัดซอลิฮ์พร้อมกับครอบครัวของเขาด้วย

เมื่อชาวษะมูดปฏิเสธซอลิฮ์และท้าทายพระเจ้าด้วยการฆ่าอูฐตัวนั้น พระองค์จึงได้สั่งซอลิฮ์ให้บอกชาวษะมูดว่าพวกเขามีเวลาที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานอีก 3 วัน และพระองค์ได้สั่งซอลิฮ์ให้ออกนอกเมืองพร้อมกับผู้ศรัทธา

เมื่อเวลาแห่งความสนุกสนานของชาวษะมูดผ่านไป 3 วัน เสียงกัมปนาทก็ดังขึ้นอย่างกึกก้อง หลังจากเสียงนั้นเงียบลง คัมภีร์กุรอานเล่าว่าชาวษะมูดทั้งเมืองนอนคว่ำตายอยู่ในบ้านและกลางถนน

ชาวษะมูดเป็นชนเผ่าอาหรับโบราณ เรื่องราวของชาวษะมูดเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวอาหรับในมักก๊ะฮฺ เพราะเมื่อชาวมักก๊ะฮฺนำกองคาราวานไปทำการซื้อขายยังซีเรีย พวกเขาต้องผ่านถิ่นฐานของชาวษะมูด และพวกเขาได้เห็นซากบ้านเรือนของชาวษะมูดด้วยตาของตัวเอง

พระเจ้าประทานเรื่องราวของชาวษะมูดให้แก่นบีมุฮัมมัดนำมาเตือนชาวมักก๊ะฮฺที่ทะนงในความมั่งคั่งและอำนาจของตัวเอง เพื่อบอกให้คนเหล่านั้นได้รู้ว่าหากมนุษย์ต่อต้านพระเจ้าเมื่อใด ไม่ว่ามนุษย์จะมีอำนาจมั่นคงเข้มแข็งเพียงใด ไม่ช้ามนุษย์จะไม่สามารถหลีกหนีการถูกทำลายได้

เมื่อนบีมุฮัมมัดกับบรรดาสาวกของท่านเดินทางผ่านชุมชนชาวษะมูด ท่านได้สั่งห้ามสาวกของท่านใช้น้ำจากบ่อที่อูฐของพระเจ้ากิน แม้แป้งที่นำน้ำจากบ่อนั้นมาผสมเพื่อทำขนมปังก็ให้โยนทิ้ง นอกจากนี้แล้วท่านยังสั่งบรรดาสาวกของท่านว่า ถ้าเข้าไปยังซากถิ่นฐานของชาวษะมูดแล้ว จงเกรงกลัวพระเจ้าให้มากๆและรีบออกจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด


You must be logged in to post a comment Login