เมื่อวันที่ 5 เมษายน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า ชวนคนไทยส่งกำลังใจและความช่วยเหลือไปให้อาสาสมัครดับไฟป่าในภาคเหนือ และชวนคิดถึงการแก้ปัญหาฝุ่นควันทั้งระยะสั้นและระยะยาวไม่ให้เกิดซ้ำอีกค่ะ!! วันนี้หน่อยเดินทางไปที่ดอยเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พรัอมกับกลุ่มน้องๆทีม #ลูกแม่หน่อย เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่ปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยการประสานงานที่เข้มแข็งของทีมว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ทุกคนของพรรคเพื่อไทย โดยอาสาสมัครมีมาจากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มม่วนใจ๋ กลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีธรรมชาติของเชียงดาว รวมทั้งอาสาสมัครของหมู่บ้านบริเวณเชิงดอยเชียงดาว ซึ่งได้ร่วมแรงร่วมใจกับเจ้าหน้าที่รัฐและชาวบ้านช่วยกันทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันไฟป่าไม่ให้ลุกลามเข้าไปยังหมู่บ้านที่ประชาชนอาศัยได้สำเร็จ จนสามารถรักษาพื้นที่ป่ากับชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเอาไว้ได้ วันนี้ทีม #ลูกแม่หน่อยเราได้บุกไปดูแนวกันไฟมาด้วยค่ะ หน่อยต้องขอชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และชาวบ้านทุกคน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานอย่างเข้มแข็งในภารกิจครั้งนี้ นอกจากมารับฟังปัญหาและให้กำลังใจแล้ว ทีม #ลูกแม่หน่อยยังได้ช่วยกันระดมหน้ากากป้องกันฝุ่นจำนวนกว่า 10,000 ชิ้น พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์เครื่องเป่าลม ป้องกันไฟป่า ยา...

เมื่อวันที่ 2 เมษายน นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและอาจารย์พิเศษคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊คระบุว่า ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มีผู้นำสถาบันระดับสูงมากล่าวหาปลุกปั่นจนเกิดการแบ่งแยก เกลียดชัง ในที่สุดเกิดความรุนแรงในช่วงเช้าของวันที่ 6 ตุลาคม 2519 มีการล้อมนักศึกษาที่ชุมนุมและถูกกล่าวหา มีการรวมตัวของชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม ทำให้มีผู้ถูกทำร้ายและเสียชีวิตจำนวนมาก นำมาซึ่งการรัฐประหารในคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2519 อีกครั้งหนึ่ง กระแสสังคมในโซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนที่โจมตีอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โดยนำสถาบันระดับสูงมาเกี่ยวข้อง จึงเป็นสิ่งที่น่าระวังและเป็นอันตรายต่อความสุขสงบ และไม่เป็นผลดีต่อสถาบัน หากทุกฝ่ายหยุดนำสถาบันระดับสูงมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวข้องทางการเมือง น่าจะเป็นผลดีทั้งต่อสถาบันที่เราเคารพรักและเป็นผลดีต่อสังคมโดยส่วนรวม เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ขอบคุณภาพและข้อความจากเพจ...

ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชาชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม และนายวรวีร์ มะกูดี รองหัวหน้าพรรค พร้อม 6 ว่าที่ ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสมาชิกพรรค ประชุมแนวทางและมาตรการดูแลผู้สมัครรับเลือกตั้งและสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยนายวันมูหะมัดนอร์แถลงหลังการประชุมถึงการใช้สูตรคะแนนและจัดสรรที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า พรรคยึดตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นหลักคำนวณที่ถูกต้อง โดยจะต้องทำตามบทบัญญัติมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้ยึดตามมาตรา 128 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ระบุวิธีการคำนวณอย่างชัดเจน หากใช้ข้อกฎหมายทั้งสองข้อนี้จะทราบผลชัดเจนว่าพรรคใดมีคะแนนเท่าไร ได้จำนวน...

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการประชุมชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาและข้อโต้แย้งว่า คณะอนุกรรมการทั้ง 35 ชุด ต้องทำหน้าที่กลั่นกรองและให้ความเห็นในสำนวนการสอบสวน โดยผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐาน ข่าวที่ระบุว่า กกต. ตั้งเป้าหรือมีธงไว้แล้ว 110 เขต จึงไม่เป็นความจริง เพราะกระบวนการยังอยู่ระหว่างพิจารณาคำร้อง จะต้องทำให้เสร็จสิ้นโดยไวและรวดเร็ว ขณะนี้มีคำร้อง 264 เรื่อง ซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นสำนวนทั้งหมด เพราะจะรับไว้สอบสวนต่อเมื่อคดีมีมูลความผิด โดย กกต. รับไว้สอบสวนแล้ว 142 สำนวน และยังมีคำร้องที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 147 เรื่อง โดยประเด็นเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียงเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนเข้ามามากที่สุด พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้มีการเปิดเผยสูตรคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อว่า ประเด็นสูตรคำนวณ...

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีโฆษกพรรคเพื่อไทยพร้อมกับผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคในหลายพื้นที่ ร่วมกันแถลงข่าวว่าพบเห็นสิ่งผิดปรกติในการลงคะแนนเลือกตั้งหลายหน่วยเลือกตั้ง เช่น มีการลงชื่อแทนกันในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีชื่อผู้เสียชีวิตในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีการข่มขู่และเข้าไปในหน่วยเลือกตั้งของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยไม่มีอำนาจ และมีการซื้อเสียงในพื้นที่ต่างๆนั้น สำนักงาน กกต. ขอชี้แจงว่า การดำเนินการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของ กกต. ทุกประการ ซึ่งกรณีดังกล่าวหากเป็นเรื่องจริงถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ หากผู้แถลงข่าวมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น สามารถนำข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานมายื่นร้องเรียนต่อ กกต. ได้ หากการสอบสวนและไต่สวนพบว่ามีผู้กระทำความผิดหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด กกต. จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดจนถึงที่สุด นอกจากนั้นสำนักงาน กกต. ยังชี้แจงกรณีพรรคการเมืองบางพรรคมีข้อสงสัยเกี่ยวกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งตามที่ กกต. ได้แถลงเมื่อวันที่ 24 มีนาคมว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 33,775,230 คน...

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 เมษายน ที่ลานโพธิ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และนายธนวัฒน์ วงศ์ไชย หรือบอล ในนามแนวร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม ตั้งโต๊ะแถลงการณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกสารนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 เมษายน ก่อนตั้งจุดล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้มีผลทางกฎหมาย โดยมีนักศึกษาและประชาชนทยอยกันลงรายชื่อเพื่อร่วมถอดถอนอย่างต่อเนื่อง นายสิรวิชญ์อ่านแถลงการณ์ความว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกสารนายกรัฐมนตรีอันมีเนื้อหาพาดพิงและให้ร้ายถึงการเคลื่อนไหวกรณีเรียกร้องให้มีการถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าเป็นการทำลายสถาบันหลักของชาติ และมีเนื้อหาของสารที่ไม่เคารพวุฒิภาวะของประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ แนวร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรมขอแสดงความกังวลต่อสารนายกรัฐมนตรีดังกล่าวที่จงใจบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนเพื่อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจและมุ่งหวังสร้างความเกลียดชังในสังคมต่อผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสันติบนพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย แนวร่วมฯขอตั้งคำถามต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีว่าเป็นการสมควรหรือไม่ที่ท่านได้ออกมาดูถูกวุฒิภาวะของประชาชนและใช้วาทกรรมอันมีเจตนายั่วยุให้เกิดการแบ่งแยกของผู้คนในสังคม ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการนำไปสู่ความรุนแรงต่อประชาชนผู้ออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างสันติ ทางแนวร่วมฯเกรงว่าถ้อยแถลงในสารของนายกรัฐมนตรีจะนำไปสู่การเดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์ในการสร้างมวลชนลักษณะขวาพิฆาตซ้ายจากฝ่ายผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้ปกป้องสถาบันหลักของชาติอย่างไร้สติ ฝ่ายผู้มีอำนาจต้องหยุดบิดเบือนให้ร้ายและดูถูกวุฒิภาวะของประชาชน เพราะพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพวุฒิภาวะของผู้อื่น แท้จริงแล้วก็คือพฤติกรรมของผู้ที่ไร้ซึ่งวุฒิภาวะอย่างแท้จริง สุดท้ายนี้เราก็คือประชาชนผู้ซึ่งต้องการเห็นการเลือกตั้งที่เป็นธรรม ไม่ใช่ปิศาจของสังคม สำหรับสื่อบางสำนักที่อาจเข้าใจผิดว่าตนจะยกระดับไปมีการชุมนุมนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งอาจเกิดจากการเข้าใจข้อความผิดไป ทั้งนี้ กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ ที่ 5 เมษายนที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครนั้นเป็นเพียงการยกระดับเร่งรัดให้มีการถอดถอน กกต. และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงจุดที่ร่วมกันลงชื่อไล่ กกต. และล่ารายชื่อถอดถอนให้ได้มากที่สุดเพียงเท่านั้น

เมื่อวันที่2 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา รมว. มหาดไทยให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการทำน้ำอภิเษกในวันที่ 6 เม.ย. นี้ว่าขณะนี้แต่ละพื้นที่มีความพร้อมอีกทั้งยังมีการซักซ้อมเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติทุกภาคส่วน และในขณะนี้107 แหล่งน้ำในทุกจังหวัดยังไม่มีข้อติดขัด ซึ่งวันนี้ตนก็ไปดูแหล่งน้ำ1 จุดใน3 จุดของจ. เชียงใหม่ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยส่วนประชาชนในพื้นที่ที่อยากมีส่วนร่วมนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและรัฐบาลอยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมโดยแต่ละจังหวัดจะมีการเตรียมอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทั้งการทำความสะอาดแหล่งน้ำช่วยกันตกแต่งแหล่งน้ำให้เป็นระเบียบเพราะถือเป็นความภูมิใจของประชาชนที่เมาส่วนร่วม ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว ในรายละเอียดว่าการเตรียมการจัดทำน้ำอภิเษกของทุกจังหวัดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติตามโบราณราชประเพณีกระทรวงมหาดไทยและทุกจังหวัดมีความพร้อมในการจัดพิธีดังกล่าวสำหรับกำหนดการจัดทำน้ำอภิเษกมีกำหนดดังนี้1.พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้กำหนดขึ้นในวันเสาร์ที่6 เม.ย. ฤกษ์เวลา11.52-12.38 น. 2.พิธีทำน้ำอภิเษกในวันจันทร์ที่8 เม.ย. ฤกษ์เวลา17.10-22.00 น. ณสถานที่ตามที่จังหวัดกำหนด3.พิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษกในวันจันทร์ที่9 เม.ย. เวลา10.00-12.00 น. 4.การเชิญคนโทน้ำอภิเษกของจังหวัดมาเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงมหาดไทยในวันพุธที่10 เม.ย. ตั้งแต่เวลา06.00-18.00 น.ส่วนการเชิญคนโทน้ำอภิเษกจากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวรารามในวันพฤหัสบดีที่18 เม.ย....

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่นักศึกษาเคลื่อนไหวล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่า  การจะเรียกร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะต้องลงไปหาข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน โดยต้องลงไปดูที่หน่วยเลือกตั้ง ที่มี 92,320 หน่วย ซึ่งมีคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งรับผิดชอบ หากพบการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาก็จะได้รับโทษถึงขั้นจำคุก แต่การตั้งข้อสงสัย นั้นก็สามารถทำได้ แต่ควรดำเนินการตรวจสอบควบคู่กันไป มิฉะนั้นประเทศจะเดินหน้าไปไม่ได้ ดังนั้นควรต้องพิสูจน์ว่าผลการเลือกตั้ง มีความซื่อตรงตามข้อเท็จจริงเพียงใด หากพบความผิดก็จะมีการลงโทษ  “การตรวจสอบไปคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องเข้าชื่อเป็น 10,000 คน หน่วยไหนโกงก็ต้องดูมา มันไม่มีทางจะไปงุบงิบได้ ทุกอย่างรวมไปถึงการนับคะแนน ก็มีคนบันทึกไว้ มีพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่มีทางที่จะคลาดเคลื่อนไปได้ หรือแม้สมมติว่ามีการคลาดเคลื่อน เช่น...

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจับขั้วทางการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาลว่า เชื่อว่าจะไม่มีงูเห่าเกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทย เพราะก่อนเลือกตั้งทุกคนได้ผ่านการทดสอบด้านจิตใจด้วยการไม่ยอมสยบกับพลังดูดอันรุนแรง ในวันเลือกตั้งก็ต้องสู้กับฝ่ายพลังดูดซึ่งมีทั้งอำนาจรัฐ อำนาจเงินอย่างหนักหน่วง โดยมีประชาชนเป็นฝ่ายสนับสนุนถึงได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง มั่นใจว่าหลังเลือกตั้งจะไม่มีส.ส.คนใดทิ้งพรรค ทิ้งประชาชน แปลงร่างเป็นงูเห่าไปอยู่กับขั้วการเมืองฝ่ายผู้สืบทอดอำนาจอย่างแน่นอน ถ้ามีคงถูกประชาชนที่เลือกเข้ามาสาปแช่งจนเดินกลับบ้านไม่ถูก ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้กกต.ควรเร่งรับรองส.ส.ให้ได้อย่างน้อย 95% เพื่อเปิดรัฐสภาให้มีฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนประเทศ ที่สำคัญที่สุดคือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ ไม่ควรรอจนถึงวันสุดท้ายคือวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง.

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบขยายผลจากกรณีพรรคพลังประชารัฐจัดโต๊ะจีนระดมทุนนั้น ว่า ปัจจุบันสำนักงาน กกต. กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีปรากฏชื่อคล้ายหน่วยงานรัฐ 3 แห่งอยู่ในแผนผังโต๊ะจีนรวม 33 โต๊ะคิดเป็นเงิน 99 ล้านบาท โดยเบื้องต้นมีการรายงานข้อมูลเรื่องดังกล่าวแก่ที่ประชุม กกต.แล้ว และมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง โดยจะตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ที่มีการร้องเรียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเช็กข้อมูลเชิงลึกอยู่ จากคลิปภาพต่าง ๆ ที่ปรากฏในงานว่าอาจจะมีข้าราชการรายใดเข้าร่วมงานหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่าบุคคล และนิติบุคคลที่เข้าไปซื้อโต๊ะจีนนั้น มีที่มาที่ไปของเงิน

นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยและอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์แสดงความเห็นกรณีปัญหาหลังการเลือกตั้ง โดยระบุว่า การที่ กกต. เปิดเผยผลการนับและการคำนวณคะแนนล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นไปมาก และยังไม่สามารถชี้แจงประเด็นข้อสงสัยต่างๆให้ชัดเจนได้เลย ทำให้ความน่าเชื่อถือที่มีต่อ กกต. ลดลงมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พูดได้ว่า กกต. ชุดนี้ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่มี กกต. มาทำหน้าที่ในช่วงเวลาเกือบ 20 ปีมานี้ ที่เลวร้ายกว่านั้นคือเรื่องยังไม่จบแค่นี้ เมื่อ กกต. ยังไม่ยอมเปิดเผยผลการเลือกตั้งออกมา ใครจะร้องเรียนให้ตรวจสอบ ให้นับคะแนนใหม่ หรือร้องว่ามีการทุจริต หรือขอให้จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ยังทำไม่ได้ถนัด ระหว่างรอการประกาศผลพยานหลักฐานที่มีอยู่ก็อาจถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงไป กกต. ที่เกือบไม่มีใครเชื่อถือแล้วและกำลังถูกล่าชื่อถอดถอนโดยคนนับล้านนี้กำลังจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างไร และจะแก้ให้ถูกต้องได้อย่างไร เช่นนี้แล้วจะไม่ให้ผู้คนเขาสงสัยได้อย่างไรว่ายิ่งทำต่อไปจะไม่ยิ่งเลวร้ายกว่าที่ผ่านมา #กกต.ไม่โปร่งใส จริงอยู่ที่การจะให้ใบแดงผู้สมัครรายใดจะต้องไปจบที่ศาล แต่การดำเนินการอีกหลายๆเรื่องนั้นยุติที่ กกต....