ลงทุนได้กำไร 17% ต่อปีของ CK Cheong มั่วหรือจริง

• Tweet
• 

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 2 ก.ย.  68)

ที่นาย CK Cheong บอกว่า “ลงทุนกับหนี้ ! CK เผยกลยุทธ์ทำกำไร 17% ต่อปี ทำยังไง ทำได้จริงหรือไม่ ?” (https://rb.gy/80tlm3) มันเป็นเรื่องจริงหรือโม้กันแน่

ทั้งนี้ นาย CK กล่าวว่าแนวคิดพื้นฐานของกลยุทธ์ดังกล่าวคือ การนำเงินไปซื้อหุ้นกู้ของธนาคาร เช่น HSBC หรือ UBS ที่ให้ผลตอบแทนสูง 7% ต่อปี จากนั้นนำหุ้นกู้ดังกล่าวไปเป็นหลักประกันเพื่อกู้เงินออกมาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ 2% ต่อปี และสุดท้ายนำเงินที่กู้ได้ ไปลงทุนในหุ้นกู้หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเดิม 12% ต่อปี เมื่อนำผลตอบแทนมารวมกัน ก็จะได้ตัวเลขตามที่คุณ CK บอกกล่าว : + 7% (ดอกเบี้ยรับ) – 2% (ดอกเบี้ยจ่าย) + 12% (ผลตอบแทนจากการลงทุน) = 17% ต่อปี

อย่างไรก็ตามผู้เขียนบทความ Supakit Kaewmanee ที่เขียนคำกล่าวของนาย CK สรุปว่า “กลยุทธ์การลงทุนของ CK เป็นสิ่งที่สามารถทำได้จริง แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จำกัดและเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ซับซ้อน ผลตอบแทน 17% ที่สวยงามจึงเป็นเพียงตัวเลขบนกระดาษ ที่ไม่ได้สะท้อนถึงความยุ่งยากและความเสี่ยงที่นักลงทุนรายย่อยอาจไม่สามารถเข้าถึงหรือรับมือได้” และ “สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องตระหนักคือ การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วยเสมอ การทำความเข้าใจกลไกและปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดอย่างถ่องแท้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน”

สิ่งที่นาย CK บอก ได้มีผู้รู้ด้านการลงทุนออกมาแสดงความคิดเห็น และจากการรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมด สรุปได้ว่า มีคนไม่เห็นด้วยและตั้งข้อสงสัยในกลยุทธ์ของคุณ CK เป็นจำนวนมาก โดยเหตุผลหลักๆ ที่คนไม่เห็นด้วย แบ่งออกเป็นประเด็นใหญ่ๆ ได้ดังนี้:

1. เป็นเรื่องไกลตัวคนธรรมดา ทำตามไม่ได้จริง คนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ากลยุทธ์นี้ ไม่ใช่สำหรับนักลงทุนทั่วไป แต่เป็นเรื่องเฉพาะสำหรับกลุ่ม ลูกค้ามหาเศรษฐี (High-Net-Worth/Ultra High-Net-Worth) ของสถาบันการเงินในต่างประเทศเท่านั้น

“คนธรรมดาคงยากครับ”: หลายความเห็นย้ำว่าคนทั่วไปไม่มีทางเข้าถึงเงื่อนไขพิเศษเหล่านี้ได้ เช่น การได้ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำมาก หรือการได้รับวงเงินกู้สูงๆ

“ต้องมีสิทธิ์พิเศษ”: การจะทำแบบนี้ได้ต้องมีเครดิตสูงมากและมีสินทรัพย์มหาศาลไปค้ำประกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่มี

2. CK พูดไม่หมด ทำให้ดูง่ายและสวยหรูเกินจริง ผู้ที่มีความรู้ด้านการเงินหลายคนชี้ว่า คุณ CK นำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว และละเลยความเสี่ยงที่สำคัญไปมาก ความเสี่ยงค่าเงิน (FX Risk): การกู้เงินสกุลหนึ่ง (เช่น ฟรังก์สวิส) ไปลงทุนในอีกสกุลหนึ่ง (ดอลลาร์สหรัฐ) มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนสูงมาก ซึ่งอาจทำให้ขาดทุนหนักได้

ความเสี่ยงถูกบังคับขาย (Margin Call): หากมูลค่าสินทรัพย์ที่ค้ำประกันตกลง จะถูกเรียกให้วางเงินเพิ่ม หรือถูกบังคับขายทันที ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อันตรายที่สุด

ตัวเลข 17% เป็นแค่ทฤษฎี: มีการชี้แจงว่าผลตอบแทน 7% เป็นแค่ “ดอกเบี้ยหน้าตั๋ว” ไม่ใช่ “ผลตอบแทนจริง” และการกู้ได้ 100% เต็มก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ในโลกความจริง

3. ความน่าเชื่อถือของตัวคุณ CK เอง มีความคิดเห็นจำนวนไม่น้อยที่ ตั้งคำถามกับตัวตนและเจตนาของคุณ CK ที่เน้นสร้างกระแส (Viral): มองว่าคุณ CK เป็น Content Creator ที่จงใจพูดเรื่องที่ซับซ้อนให้ดูง่าย เพื่อเรียกความสนใจและทำให้เกิดการถกเถียง มากกว่าจะให้ความรู้ที่ถูกต้องจริงๆ

“แค่ชื่อก็ปล่อยผ่าน” / “เอ๊ะ เสมอกับคนๆ นี้”: หลายคนแสดงความไม่เชื่อถือในตัวคุณ CK มาตั้งแต่ต้น โดยอ้างอิงจากคอนเทนต์อื่นๆ ในอดีต

มีคนรู้จักออกมาแสดงความเห็น: มีคอมเมนต์ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของคนใกล้ชิดคุณ CK บอกว่าเคยตักเตือนเรื่องการทำคอนเทนต์ลักษณะนี้แล้ว แต่ไม่เป็นผล

4. มีตัวอย่างความล้มเหลวในอดีต มีการเปรียบเทียบกลยุทธ์นี้กับ กองทุน LTCM ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับตำนานที่เคยใช้กลยุทธ์คล้ายๆ กันนี้ (Leverage สูงๆ) และสุดท้ายก็ล้มละลายจนเกือบสร้างวิกฤตการเงิน

“ตอนไม่มี black swan อะไรๆ มันก็ดูฉลาดไปหมด”: เป็นการเตือนว่ากลยุทธ์ที่ดูดีในภาวะตลาดปกติ อาจพังพินาศได้เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

โดยสรุปแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่ได้ปฏิเสธว่ากลยุทธ์นี้ “ทำไม่ได้เลย” แต่ชี้ว่ามัน ทำได้จริงภายใต้เงื่อนไขที่จำกัดและซับซ้อนมาก สำหรับคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น การที่คุณ CK นำมาเล่าให้คนทั่วไปฟังในลักษณะที่ดูง่ายและได้ผลตอบแทนสูง จึงถูกมองว่าเป็นการสื่อสารที่ขาดความรับผิดชอบและอาจสร้างความเข้าใจผิดๆ ให้กับนักลงทุนรายย่อยได้

You must be logged in to post a comment Login