- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 6 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 6 months ago
- โลกธรรมPosted 6 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 6 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 6 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 7 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 7 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 7 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 7 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 7 months ago
นบีมุฮัมมัด ผู้ทรงอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลก

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 5 ก.ย. 68 )
ในหนังสืออัตชีวประวัติของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่านบีมุฮัมมัดเกิดเมื่อวันที่ 12 เดือนเราะบีอุลเอาวัลซึ่งในปีนี้เวียนมาบรรจบอีกครั้งในตอนต้นเดือนกันยายน พ.ศ.2568 ตามชุมชนมุสลิมในประเทศต่างๆทั่วโลกจะจัดกิจกรรมรำลึกถึงนบีมุฮัมมัดในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
วัตถุประสงค์สำคัญของการจัดงานรำลึกนี้ก็เพื่อเทิดเกียรติของนบีมุฮัมมัดและขอให้พระเจ้าอำนวยพรแก่ท่าน ทั้งนี้เนื่องจากพระเจ้าได้กล่าวไว้ว่า “แท้จริง พระเจ้าและบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ยังอำนวยพรแก่นบีมุฮัมมัด โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอำนวยพร(เศาะละวาต)และขอพรแห่งความสันติให้แก่เขา” (กุรอาน 33:56)
เหตุผลที่พระเจ้ากำหนดให้มุสลิมกล่าวคำอำนวยพรให้แก่นบีมุฮัมมัดก็เพราะนบีมุฮัมมัดเป็นผู้ถูกส่งมาทำให้วจนะของพระเจ้าสมบูรณ์ครบถ้วนในรูปของคัมภีร์กุรอานหลังจากที่วจนะของพระองค์ที่ส่งมายังมนุษย์ได้รับความเสียหายหรือถูกบิดเบือนไปด้วยน้ำมือของมนุษย์ นอกจากนี้แล้ว ท่านยังได้รับเอกสิทธิ์ในการอธิบายความหมายและและวิธีการปฏิบัติตามคำสั่งที่พระเจ้าประทานมา
ความจริงแล้ว มุสลิมกล่าวคำอำนวยพรแก่นบีมุฮัมมัดทุกครั้งในการละหมาดวันละห้าเวลา ไม่เพียงเท่านั้น มุสลิมยังกล่าวคำอำนวยพรแก่นบีอิบรอฮีม(อับราฮัม)ผู้เป็นบรรพบุรุษทางความเชื่อของชาวยิว ชาวคริสเตียนด้วย นบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “ฉันคือคำวิงวอนของอิบรอฮีม(อับราฮัม) และอีซา(เยซัส)เป็นนบีคนสุดท้ายที่บอกถึงการมาของฉัน”
เหตุผลที่นบีมุฮัมมัดพูดเช่นนั้นเพราะเมื่อพระเจ้าสั่งนบีอิบรอฮีมให้สร้างก๊ะฮฺบะฮฺเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์แต่เพียงผู้เดียวแล้ว นบีอิบรอฮีมได้วอนขอต่อพระเจ้าให้สอนวิธีการเคารพสักการะให้ พระองค์จึงได้สอนวิธีการละหมาดให้แก่ท่าน แต่เนื่องจากนบีอิบรอฮีมเกรงว่าลูกหลานของท่านในอนาคตจะหลงลืมหรือทอดทิ้งการละหมาด ท่านจึงวอนขอต่อพระเจ้าให้พระองค์แต่งตั้งศาสนทูตคนหนึ่งขึ้นมาในหมู่ลูกหลานของท่านเพื่อแสดงการละหมาดที่ถูกต้องตามประสงค์ของพระเจ้าให้ลูกหลานของท่านในอนาคต
พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของนบีอิบรอฮีมด้วยการส่งนบีมุฮัมมัดผู้เป็นลูกหลานของท่านมา ด้วยเหตุนี้ มุสลิมผู้ศรัทธาในพระเจ้าไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดจะละหมาดตามแบบนบีมุฮัมมัดเหมือนกันหมด เพราะหลักศรัทธาในอิสลามได้กำหนดไว้ว่าใครที่ศรัทธาในพระเจ้าและโลกหน้าจำเป็นต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามนบีมุฮัมมัดด้วย
นบีมุฮัมมัดแตกต่างไปจากบรรดานบีก่อนๆประการหนึ่งก็คือ ในขณะที่บรรดานบีก่อนหน้านี้ถูกส่งมาตักเตือนชุมชนใดชุมชนหนึ่งเป็นการเฉพาะ ชุมชนใดไม่เชื่อฟังนบีก็เท่ากับไม่เชื่อฟังพระเจ้า ชุมชนนั้นจะถูกลงโทษทำลายไป แต่นบีมุฮัมมัดถูกส่งมาเป็นความเมตตาต่อโลกทั้งผอง ดังนั้น ในยุคที่ข่าวสารสามารถแพร่ไปทั่วโลก ขอบเฃตของการถูกลงโทษทำลายย่อมขยายกว้างไปทั่วโลกเช่นกัน
นบีมุฮัมมัดเป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวอาหรับและชาวยิวในเวลานั้นว่าเป็นผู้ไม่รู้หนังสือ พระเจ้าจึงเลือกท่านขึ้นมาเป็นผู้รับคัมภีร์กุรอานที่เป็นวจนะอันสูงส่งของพระองค์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้อครหาหรือข้อสงสัยว่าท่านเป็นผู้เขียนคัมภีร์กุรอานขึ้นมา
นบีมุฮัมมัดดำรงตำแหน่งศาสนทูตของพระเจ้าเป็นเวลา 23 ปีตั้งแต่ท่านอายุ 40 – 63 ปี แต่ถึงกระนั้น ท่านสามารถนำคัมภีร์กุรอานมาเป็นธรรมนูญของรัฐอิสลามแห่งนครมะดีนะฮฺได้เป็นผลสำเร็จและทำให้อิสลามเป็นอารยธรรมของโลกนานนับพันปี ด้วยเหตุนี้ นักวิชาการทางสังคมชาวตะวันตกจึงยกย่องท่านให้เป็นผู้มีอิทธิพลที่สุดในการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก
You must be logged in to post a comment Login