- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 8 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 8 months ago
- โลกธรรมPosted 8 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 8 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 8 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 8 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 8 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 8 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 8 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 8 months ago
คัมภีร์กุรอาน ปาฏิหาริย์ที่ยังคงอยู่

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 17 ต.ค. 68 )
ปาฏิหาริย์หมายถึงความอัศจรรย์ที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างหรือควบคุมได้ ไสยศาสตร์จึงไม่ใช่ปาฏิหาริย์เพราะไสยศาสตร์เป็นวิชาลึกลับที่มนุษย์ผู้มีความรู้ในวิชานี้ทำขึ้นมา
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ก็เพราะพระเจ้าผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติเท่านั้นที่ประสงค์ให้มันเกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์ หรืออาจเกิดขึ้นผ่านนบีบางคนเพื่อเป็นหลักฐานว่านบีคนนั้นมาจากพระเจ้าจริง
ในสมัยอียิปต์โบราณ ฟาโรห์ตั้งตนเป็นพระเจ้า นักไสยศาสตร์ผู้มีอิทธิพลทางจิตใจต่อชาวอียิปต์เป็นส่วนหนึ่งที่ค้ำจุนอำนาจของเขา เมื่อพระเจ้าสั่งโมเสสให้ไปบอกฟาโรห์ว่าเขาไม่ใช่พระเจ้า แต่เขาต้องสักการะพระเจ้าเหมือนกับคนทั่วไปและโมเสสได้แสดงหลักฐานด้วยปาฏิหาริย์จากพระเจ้า นั่นคือไม้เท้าของเขาที่โยนลงไปบนพื้นแล้วกลายเป็นงูใหญ่ต่อหน้าฟาโรห์
แทนที่จะยอมจำนนต่อหลักฐานที่โมเสสนำมาแลดง ฟาโรห์กลับคิดว่าสิ่งที่โมเสสทำคือไสยศาสตร์ที่นักไสยศาสตร์ชาวอียิปต์เวลานั้นสามารถทำได้ เขาจึงเรียกนักไสยศาสตร์มาเพื่อทำสิ่งที่เหมือนโมเสสทำ
เมื่อนักไสยศาสตร์โยนเชือกหรือกิ่งไม้ลงไปบนพื้น มันได้กลายเป็นงูเล็กๆในสายตาของผู้คน แต่เมื่อโมเสสโยนไม้เท้าของเขาลงไปตามคำบัญชาของพระเจ้า ไม้เท้าของเขาได้กลายเป็นงูใหญ่ทำลายงูเล็กทั้งหมด นักไสยศาสตร์จึงยืนยันว่าสิ่งที่ฟาโรห์แสดงนั้นมิใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นปาฏิหาริย์ของพระเจ้าและพวกเขาได้หันมายอมรับพระเจ้าของโมเสส แม้กระนั้นฟาโรห์ก็ยังไม่เชื่อ
หลังจากนั้น พระเจ้าได้แสดงอำนาจของพระองค์ให้ฟาโรห์เห็นในรูปของภัยพิบัติธรรมชาติที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เช่น น้ำในแม่น้ำไนล์กลายเป็นสีเลือด การแพร่ระบาดของกบและตั๊กแตนที่สร้างความเสียหายให้แก่พืชผลของชาวอียิปต์ ถึงกระนั้น ฟาโรห์ก็ยังไม่เชื่ออีกว่านั่นคือปาฏิหาริย์ที่มาจากพระเจ้า
การเกิดของเยซัสหรือพระเยซูจากนางมารีย์หญิงบริสุทธิ์ก็เป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งที่พระเจ้าประสงค์ให้เกิดขึ้นท่ามกลางชุมชนอิสราเอลที่ผิดสัญญากับพระเจ้าและโอหังจนถึงกับฆ่านบีบางคนของพระเจ้า พระเจ้าประสงค์ให้เยซัสถือกำเนิดโดยไม่มีพ่อเพื่อแสดงให้พวกลูกหลานอิสราเอลเห็นถึงอำนาจเหนือกฎธรรมชาติของพระองค์ แต่พวกลูกหลานอิสราเอลก็ยังไม่เชื่อ
ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ประทานปาฏิหาริย์ให้เยซัสทำสิ่งที่ผู้คนในยุคโรมันไม่สามารถทำได้แม้จะมีความเจริญก้าวหน้าก็ตาม เช่น เยซัสสามารถรักษาคนตาบอดและคนเป็นโรคเรื้อน สามารถทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา สามารถปั้นดินให้เป็นนกที่มีชีวิต ปาฏิหาริย์เหล่านี้มิได้เกิดขึ้นตามความประสงค์ของเยซัสเอง แต่เกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระเจ้า ถึงกระนั้น พวกผู้นำชุมชนชาวอิสราเอลก็ไม่ศรัทธาในพระเจ้าและยังวางแผนกำจัดเยซัสด้วยซ้ำ
นบีมุฮัมมัดเกิดในแผ่นดินอาหรับที่ชาวอาหรับทะนงในภาษาของตัวเองจนถึงกับถือว่าใครที่พูดอาหรับไม่ได้ก็เหมือนเป็นคนไม่มีลิ้น ดังนั้น ใครที่เป็นกวีและสามารถแต่งกลอนได้ไพเราะจะได้รับการเคารพยกย่อง นอกจากนี้แล้ว พวกพ่อมดหมอผียังมีเวทมนต์คาถาภาษาอาหรับที่สะกดผู้คนอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงประทานกุรอานลงมาแก่นบีมุฮัมมัด เมื่อกวีชาวอาหรับและพวกพ่อมดหมอผีได้ยินภาษาของกุรอาน ทุกคนต่างยอมรับว่าสิ่งที่นบีมุฮัมมัดอ่านเป็นภาษาที่สูงล้ำเกินกว่าบทกวีและไม่ใช่เวทมนตร์ไสยศาสตร์ กุรอานจึงเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งเพราะทุกคนรู้ดีว่านบีมุฮัมมัดไม่รู้หนังสือ ไม่เพียงเท่านั้น พระเจ้ายังท้ามนุษย์ทั้งหมดให้แต่งข้อความขึ้นมาสักบทหนึ่งที่เหมือนกับคัมภีร์กุรอาน แต่จนทุกวันนี้ยังไม่มีมนุษย์คนใดทำตามคำท้าของพระเจ้าได้
ไม่เพียงความอัศจรรย์ทางวรรณกรรมเท่านั้น คัมภีร์กุรอานยังมีความรู้ที่เป็นแรงบันดาลใจคนอาหรับที่เคยถูกชาวโรมันและชาวเปอร์เซียดูถูกว่าเป็นคนป่าเถื่อนให้กลายเป็นผู้เริ่มต้นอารยธรรมของโลกเป็นระยะยาวนานนับพันปีด้วย
ความจริงแล้ว นบีมุฮัมมัดได้รับปาฏิหาริย์จากพระเจ้ามากกว่านบีคนอื่นๆ แต่เพราะปาฏิหาริย์ต่างๆเกิดขึ้นแล้วหมดไป เหลือแต่คัมภีร์กุรอานอย่างเดียวที่เป็นปาฏิหาริย์และความมหัศจรรย์จากพระเจ้าที่ยังคงอยู่ตลอดไปจนถึงวันสิ้นโลก
You must be logged in to post a comment Login