- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 7 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 7 months ago
- โลกธรรมPosted 7 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 7 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 7 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 7 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 8 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 8 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 8 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 8 months ago
ผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าไม่ได้ตาย

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 3 ต.ค. 68
ช่วงชีวิตที่สุขสบายที่สุดของมนุษย์คือช่วงเวลาที่อยู่ในครรภ์ของแม่ ในช่วงนี้ มนุษย์ที่อยู่ในสภาพทารกไม่ต้องทำงาน แต่ได้รับอาหารที่คัดสรรมาอย่างดีแล้วผ่านทางสายสะดือ แต่ถ้าทารกในครรภ์สามารถมองเห็นโลกนอกครรภ์แม่ ทารกคงอยากคลอดออกมาก่อนกำหนด แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับทารก
โลกนอกครรภ์แม่มีอาหารสารพัดและมีสิ่งสวยงามที่ทารกในครรภ์ไม่เคยเห็นอีกมากมาย แต่เมื่อคลอดออกมายังโลกนี้แล้ว หากต้องการสิ่งใด ทารกต้องรอโตก่อนและต้องแสวงหาสิ่งที่ต้องการด้วยตัวเอง ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ต้องดิ้นรนเหมือนได้อาหารจากแม่ทางสายสะดือ การแสวงหาเป็นเรื่องที่ต้องเหนื่อยและเมื่อได้สิ่งที่ตัวเองแสวงหาแล้ว ยังไม่แน่ว่าตัวเองจะได้รับความสุขหรือไม่
โลกนี้จึงไม่ใช่สถานที่ประกันความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน ถ้าจะกลับไปมีความสุขเหมือนตอนเป็นทารกในครรภ์แม่ก็เป็นไปไม่ได้ และไม่มีใครอยากกินอาหารทางสายยางแทนสายสะดือ หนทางเดียวที่ชีวิตจะมีความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนก็คือการไปสู่สวรรค์ซึ่งจะต้องผ่านประตูแห่งความตาย
ทุกศาสนาล้วนสอนว่าความตายไม่ใช่จุดสุดท้ายของชีวิต อิสลามสอนว่า “ทุกชีวิตต้องได้ลิ้มรสความตาย”
ถ้าความตายเป็นรสชาติ คนที่ไม่เชื่อในโลกหลังความตายจะรู้สึกว่ามันขมและไม่อยากตาย ส่วนคนที่เชื่อว่ามีสวรรค์ในโลกหน้าจะมองว่าความตายเป็นความหวานชื่นของชีวิต สองคนที่เชื่อต่างกันย่อมมีพฤติกรรมที่ต่างกัน
การมองสิ่งใดไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี สวรรค์ก็เช่นกัน แต่ทุกศาสนายืนยันตรงกันหมดว่าสวรรค์มีจริงในโลกหลังความตาย สวรรค์เป็นสิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็น แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาในพระเจ้าและโลกหน้า ตาใจก็จะมองเห็นสวรรค์เหมือนตาเนื้อที่มองเห็นสิ่งที่จับต้องได้ และการเห็นสวรรค์ด้วยตาใจนี่เองที่ทำให้คนอยากเป็นผู้ที่อิสลามเรียกว่า “ชะฮีด” หมายถึงเห็นสวรรค์เหมือนเห็นด้วยตาตัวเองและพร้อมที่จะไปสวรรค์แม้ต้องพลีชีพก็ตาม
อิสลามยืนยันว่าความตายมิใช่การดับสูญของชีวิต ในคัมภีร์กุรอานซึ่งเป็นวจนะของพระเจ้าผู้ให้ชีวิตและความตายและเป็นเจ้าของสวรรค์ได้กล่าวว่า :
“จงอย่าคิดว่าบรรดาผู้ถูกฆ่าในหนทางของพระเจ้านั้นตาย มิใช่เช่นนั้น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และได้รับปัจจัยยังชีพจากพระเจ้า พวกเขารื่นเริงในสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปรานแก่พวกเขา และพวกเขายินดีที่ได้คิดว่าไม่มีสิ่งใดที่น่ากลัวหรือน่าทุกข์ระทมสำหรับผู้ที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลังและผู้ที่ยังไม่ได้มาเข้าร่วมกับพวกเขา” (กุรอาน 3:169-170)
ข้อความดังกล่าวข้างต้นยืนยันว่าผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าไม่ได้ตาย ในอีกข้อความก่อนหน้านี้ยังสั่งห้ามมุสลิมมิให้กล่าวว่าผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าตายเสียด้วยซ้ำ เพราะมันไม่เป็นความจริงและอาจทำให้คนที่กำลังต่อสู้เสียขวัญ ในความเป็นจริง ความตายคือการคลอดใหม่อีกครั้งหนึ่งของมนุษย์จากครรภ์แห่งโลกนี้ไปสู่โลกหน้า แต่เป็นการคลอดทางด้านวิญญาณ ดังนั้น พวกเขาจึงมีชีวิตอยู่และได้รับปัจจัยจากพระเจ้าเหมือนกับที่ทารกมนุษย์ได้รับเมื่ออยู่ในครรภ์แม่ ไม่เพียงเท่านั้น คนที่พลีชีพในหนทางของพระเจ้ายังมีความยินดีเสียด้วยซ้ำที่ได้พลีชีพ เพราะพวกเขาไม่ต้องทำงานเช่นเดียวกับเมื่อตอนอยู่ในโลกแห่งครรภ์แม่ แต่ในสวรรค์ยังมีปัจจัยและสิ่งดีงามมากมายที่เขาไม่เคยเห็นขณะอยู่ในโลกนี้
รางวัลตอบแทนสำหรับการพลีชีพทำให้พวกเขามีความรู้สึกอยากจะกลับมาเกิดใหม่บนโลกนี้และพลีชีพอีกเพื่อยืนยันแก่ครอบครัวและเพื่อนพ้องพี่น้องของเขาว่าไม่ต้องห่วง เขามีความสุขจากรางวัลที่พระเจ้าตอบแทนให้หลังการพลีชีพ
ทุกชาติมีหน่วยงานดูแลทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บและสวัสดิการสำหรับครอบครัวของทหารผู้พลีชีพเพื่อชาติ ในประเทศมุสลิมก็มีหน่วยงานสวัสดิการทหารผ่านศึกเช่นกัน แต่ผู้ที่จะได้รับรางวัลตอบแทนในโลกหน้าก็คือผู้ศรัทธาในพระเจ้าและในโลกหน้า และเป็นผู้พลีชีพในหนทางของพระเจ้าเท่านั้น
You must be logged in to post a comment Login