- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 8 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 8 months ago
- โลกธรรมPosted 8 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 8 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 9 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 9 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 9 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 9 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 9 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 9 months ago
โลกหลังความตายเป็นความจริง
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 7 พ.ย. 68 )
คำสอนเกี่ยวกับเรื่องโลกหลังความตาย นรกและสวรรค์เป็นคำสอนในศาสนาที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์ หากถามมนุษย์ว่าตายแล้วอยากไปนรกหรือสวรรค์ แทบทุกคนตอบว่าอยากไปสวรรค์ ความต้องการเช่นนี้เองที่ทำให้มนุษย์บางคนถูกชักชวนให้ซื้อสวรรค์ด้วยเงิน ยิ่งจ่ายมากก็ยิ่งได้สวรรค์ชั้นสูงกว่าคนอื่น
แต่ก่อนจะไปสวรรค์หรือนรก มนุษย์ต้องผ่านความตายและการจะเข้าสวรรค์หรือลงนรก มนุษย์ต้องฟื้นคืนชีพก่อน แต่เพราะการฟื้นคืนชีพหลังความตายเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น มนุษย์จึงไม่เชื่อหรือไม่เข้าใจว่าการฟื้นคืนชีพหลังความตายเป็นไปได้อย่างไร
อย่าว่าแต่ปุถุชนทั่วไปเลย แม้แต่อับราฮัมศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าช่วยให้รอดชีวิตจากการถูกเผาไฟทั้งเป็นก็ยังไม่เข้าใจ ด้วยเหตุนี้ อับราฮัมจึงขอพระเจ้าว่า “โอ้ “พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดแสดงให้ฉันเห็นว่าพระองค์ทรงทำให้สิ่งที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตได้อย่างไร” พระองค์ทรงถามว่า “เจ้าไม่เชื่อหรือ?” อับราฮัมตอบว่า “ฉันเชื่อ แต่ฉันถามเพื่อให้หัวใจของฉันเกิดความแน่ใจ”
พระเจ้าจึงสั่งอับราฮัมว่า “จงเอานกต่างชนิดสี่ตัวมาเลี้ยงให้เชื่องและสับนกทั้งสี่เป็นชิ้นๆ หลังจากนั้น จงวางชิ้นส่วนของนกแต่ละตัวไว้บนภูเขาแต่ละลูกโดยแยกจากกันแล้วเรียกพวกมัน มันก็จะรีบมายังเจ้า จงรู้ ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” (กุรอาน 2:260)
เมื่ออิบรอฮีมทำตาม เขาก็ประจักษ์ถึงอำนาจของพระเจ้าด้วยตาของเขาเอง
ความเชื่อในการฟื้นคืนชีพหลังความตายเป็นความเชื่อที่ผูกกับความเชื่อในพระเจ้าซึ่งทุกศาสดานำมาสอน คัมภีร์กุรอานยังเล่าอีกว่าหลังสมัยพระเยซู เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระเยซูได้นำคำสอนของท่านไปเผยแผ่ในอาณาจักรไบแซนตินซึ่งผู้คนยังกราบไหว้บูชาดวงดาวและไม่เชื่อในเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตาย กษัตรย์แห่งไบแซนตินจึงขู่ฆ่าเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นหากพวกเขาไม่เลิกเผยแผ่ความเชื่อในเรื่องนี้เพราะเป็นการสร้างความขัดแย้งในหมู่ประชาชน
เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นจึงหนีไปแอบอยู่ในถ้ำและหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อตื่นขึ้นมาและได้พบกับผู้คน จึงรู้ว่าพวกตนหลับไปเป็นเวลานานประมาณสองร้อยปี เพราะเหรียญทองคำที่เด็กหนุ่มนำไปซื้อของเป็นเหรียญที่ใช้เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว แต่ในตอนนั้น กษัตริย์ได้รับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำอาณาจักรแล้วและศาสนาคริสต์มีความเชื่อว่าโลกหลังความตายมีจริง หลังจากนั้น เด็กหนุ่มทั้งหมดก็เสียชีวิต
คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า “โดยวิธีนี้เองที่เราได้เปิดเผยความลับของพวกเขา(กลุ่มเด็กหนุ่ม)ให้แก่ชาวเมืองเพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าสัญญาณของพระเจ้า(การฟื้นคืนชีพ)นั้นเป็นความจริงและจะได้ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องยามอวสาน” (กุรอาน 18:21)
เรื่องราวดังกล่าวเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยืนยันความจริงในเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตายซึ่งเรารับรู้จากคัมภีร์ทางศาสนา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหลายอย่างที่ทำให้เราต้องยอมจำนนต่อความเชื่อในเรื่องนี้ เช่น
“พระเจ้าคือผู้ส่งลมทั้งหลายให้พัดไปเพื่อที่มันจะหอบเอาก้อนเมฆขึ้นมา แล้วเราได้ให้เมฆลอยไปยังดินแดนที่แห้งแล้ง แล้วเมฆนั้นได้ทำให้แผ่นดินมีชีวิตขึ้นมาหลังจากที่มันได้ตายไป การฟื้นคืนชีพก็เช่นเดียวกันนี้แหละ” (กุรอาน 35:9)
ปัจจุบัน แพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตคนที่กำลังจะตายและทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาอีกแม้วิทยาการด้านการแพทย์จะเจริญก้าวหน้าเพียงใดก็ตาม เพราะแพทย์ไม่ใช่เจ้าของชีวิต พระเจ้าต่างหากที่จะให้ใครมีชีวิตและตาย
ดังนั้น จึงไม่มีอะไรยากสำหรับพระเจ้า เพียงแค่พระองค์ประสงค์สิ่งใด พระองค์แค่เพียงบัญชาว่า “จงบังเกิดขึ้น” สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นมา




You must be logged in to post a comment Login