- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 9 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 9 months ago
- โลกธรรมPosted 9 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 9 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 9 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 9 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 9 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 9 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 9 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 9 months ago
อันที่จริง Fastwork มีกำไร: กรณีศึกษาการประเมินค่ากิจการ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 11 พ.ย. 68)
เมื่อเร็วๆ นี้ คุณ CK เขียนชี้แจงเกี่ยวกับธุรกิจ Fastwork (บจก.เช้นจ์ซี) ของตน ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงขอแสดงความคิดเห็นในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สินซึ่งรวมถึงกิจการต่างๆ ด้วย
คุณ CK เขียนว่า “กูมีเงินเยอะมาก Fastwork ขาดทุนอีกสักพันล้านกูก็จ่ายไหว ถ้าผมอยากจะหานักลงทุน ผมโทรแค่สายเดียวก็ได้แล้ว 500 ล้าน ก็เลยอยากจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง สิ่งที่เราต้องชวนคุยกันก็คือ Fastwork สามารถสร้าง Platform ที่ปฏิวัติวงการบริการและพาคนไทยไปบุกโลกได้หรือทำไม่ได้ เพราะผมกับทีม Fastwork รู้อยู่แล้วว่าเราทำได้ไม่มีข้อสงสัยเลยสักกะนิดนึง ถ้าไม่เชื่อก็รอดูได้เลย”
สิ่งที่สังคมเป็นห่วงคุณ CK ก็คือตั้งแต่ที่คุณ CK ไป Take Over บริษัท Fastwork มา (ไม่ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง) ขาดทุนแทบทุกปี โดยมีกำไรอยู่ปีเดียวที่มีเงินเข้ามา 202 ล้านบาท แต่ไม่ใช่จากรายได้หลัก (จากการประกอบการธุรกิจ) แต่มาจาก “รายได้รวม” ซึ่งไม่ทราบที่มา กรณีนี้คุณ CK คงได้เงินจากนักลงทุนแบบ “โทรแค่สายเดียว” สักรายหนึ่งข้างต้น หรือใช้เงินส่วนตัว “โปะ” ลงไปก็เป็นได้
แต่การที่ผลการประกอบการทุกปี (หากไม่นับเงินก้อน 202 ล้านข้างต้น) ตั้งแต่ปี 2563 – 2567 (5 ปี) ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้หลายคนเห็นว่าโมเดลธุรกิจของ Fastwork อาจไม่ประสบความสำเร็จ แต่บางคนก็อาจบอกว่าต้องค่อยๆ ดูไป เพราะถือเป็นธุรกิจ Startup ซึ่งมักต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะกำไร เช่น Flash Express, Ascend Money, Bitkub, Line Man Wongnai เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม Fastwork ไม่ถือเป็น Startup ที่เป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดด-รวดเร็ว (Scalable) ผ่านการระดมทุนอย่างขนานใหญ่และมักจะใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมาสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ Fastwork อาจเป็นเพียงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทั่วไปที่มีรายได้อยู่ระหว่าง 44-69 ล้านบาทในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา และธุรกิจแบบเดียวกับ Fastwork ก็มีอยู่ในตลาดเช่นกัน
สิ่งที่น่าแปลกสำหรับ Fastwork ก็คือการมี “ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร” ที่สูงผิดปกติ ทั้งนี้ยังไม่รวม “ต้นทุนขาย” ต่างหาก อย่างเช่นในปีล่าสุด (2567) Fastwork มีรายได้รวม 68,948,950.73 และเมื่อหัก “ต้นทุนขายแล้ว” ยังได้กำไร 53,076,122.92 บาท แต่กลับมี “ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร” สูงถึง 119,693,010.33 บาท (มากกวารายได้เกือบเท่าตัว) ทำให้สุดท้าย ขาดทุนถึง 64,560,052.46 ล้านบาท
ในแวดวงธุรกิจของ Fastwork ยังมีคู่แข่งมากมาย คู่แข่งที่มีเช่น FreelanceBay และ DayWork เป็นต้น จะเห็นได้ว่า:
1. บริษัทคู่แข่งทั้งสอง มีรายได้มากกว่า Fastwork ถึงราว 2 เท่า แถมมีกำไรโดยในปี 2567 FreelanceBay กำไร 4.9 ล้านบาท DayWork ก็กำไร 1.5 ล้านบาท ในขณะที่ Fastwork ขาดทุนถึง 64.6 ล้านบาท
2. สังคมอาจไม่คุ้นชื่อของ CEO หรือผู้บริหารของบริษัททั้งสองแห่งข้างต้นนัก ผิดกับคุณ CK ที่มี Content โฆษณาตัวเองออกมาแทบทุกวัน จนทำให้คนรู้จักคุณ CK เป็นอันมาก นี่อาจคล้ายกรณีคุณ “โสภณ สุภาพงษ์” ที่โฆษณาจนคนรู้จักท่านมากกว่า “บางจากปิโตรเลียม” ที่ท่านบริหารอยู่ในอดีต
3. เมื่อเปรียบเทียบกับ “ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร” FreelanceBay ใช้เพียง 23.1 ล้านบาท หรือ 18% ของรายได้รวม ส่วน DayWork ใช้ 13.1 ล้านบาทหรือ 12% ของรายได้รวม แต่ Fastwork ใช้เงินไปถึง 119.7 ล้านบาท หรือเท่ากับเกือบ 2 เท่าของรายได้รวม
ดูจากรายจ่ายแล้ว คุณ CK คงไม่ได้ทุ่มเม็ดเงินลงทุนในเทคโนโลยีหรือขยายกิจการอะไรนักใน Fastwork ทำให้รายได้ยังเพิ่มขึ้นน้อย อีกอย่างถ้าคุณ CK ไม่นำค่าใช้จ่ายในการทำ promotion ต่างๆ มาเป็น “ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร” แล้ว Fastwork ก็คงได้กำไรแล้ว กล่าวคือ แทนที่จะใช้เงินบริหารสูงถึง 119.7 ล้านบาท แต่ใช้เพียง 20% ของรายได้รวมคือ 14 ล้านบาท ทำให้ลดรายจ่ายลงได้ถึง 105 ล้านบาทโดยประมาณ ดังนั้นแทนที่จะขาดทุน 65 ล้าน ก็กลายเป็นกำไร 40 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีมูลค่าขึ้นมาทันทีเพราะมีกำไรสุทธิ
อย่างไรก็ตามหาก Fastwork มีกำไร ก็จะทำให้
1. Fastwork ต้องเสียภาษีรายได้นิติบุคคลสูงมาก การทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง (ผิดปกติมาก) ย่อมทำให้บริษัทไม่ต้องเสียภาษี
2. อาจทำให้เกิดข้อเรียกร้องจากพวก Freelance ในเครือข่ายที่จะขอให้ Fastwork ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ลง เนื่องจากบริษัทได้กำไรมากอยู่แล้ว และหากลดค่าธรรมเนียมก็จะทำให้บริษัทได้กำไรน้อยลงไปด้วย
อย่างไรก็ตามหาก Fastwork จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็ต้อง “ปั้น” ตัวเลขให้ได้กำไร จึงจะเป็นบริษัทที่จะได้รับความไว้วางใจจากมหาชน แต่หากเจ้าของไม่ต้องการให้เป็นบริษัทของมหาชนจริงๆ และไม่ต้องการเสียภาษี ก็อาจคงให้ขาดทุนแบบนี้ ซึ่งทำให้มูลค่าทางธุรกิจของบริษัทอาจไม่มีอยู่จริง





You must be logged in to post a comment Login