วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

แฮปปี้กรุ๊ปผุด”แฮปปี้ช้อปปิ้ง”บุกตลาดโฮมช้อปปิ้งเต็มตัว

On February 17, 2020

นางสาวอภิรวี พิชญเดชะกรรมการผู้จัดการ แฮปปี้ กรุ๊ป เปิดเผยที่มาของการสร้างธุรกิจโฮมช้อปปิ้งที่ใช้หลัก “Customer Centric” เป็นจุดยืน เพื่อตอบสนองในสิ่งที่ตลาดยังมีช่องโหว่ และนำเสนอสิ่งที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง โดย Happy Shopping เลือกโฟกัสกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอยู่จำนวนมากในสังคมและกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคนกลุ่ม Baby Boomer และGen X นั่นเป็นกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ มองหาสินค้าคุณภาพดี และมีกำลังซื้อสูง ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวสอดรับกับฐานผู้ชมทีวีดิจิทัลช่อง Nation 22 ด้วยเช่นกัน จึงทำให้เกิดรูปแบบการตลาด “ถูกที่ ถูกเวลา ถูกกลุ่มเป้าหมาย” สามารถยึดใจลูกค้าปัจจุบันซึ่งมีมากกว่า 100,000 ราย และสิ้นปี 2562 ที่ผ่านมาHappy Shoppingปิดยอดอยู่ที่ 185 ล้านบาท หลังจากทำการตลาดเพียง 7 เดือนเท่านั้น

นอกจากความโดดเด่นด้านโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนแล้ว Happy Shopping ยังสร้างจุดขายที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดด้วยการเน้นสินค้า House Brand ทั้ง 3 กลุ่ม ประกอบด้วยHappy Life+สำหรับจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และบิวตี้ได้แก่ วิตามินผักผลไม้รวม Vita Dailyอาหารเสริมกระดูกข้อเข่าโดยรวมคอลลาเจน และแคลเซียมไว้ด้วยกันCalcimac CII อาหารเสริมสมอง Brenifitอาหารเสริมปกป้องดวงตา C-Byte ตามด้วยกลุ่มThai Wisdom by Happy ซึ่งเป็นสินค้าภูมิปัญญาไทยและส่งเสริมสินค้า OTOP ปัจจุบันได้คัดสรรผลิตภัณฑ์และร่วมพัฒนากับวิสาหกิจชุมชนทั้ง 4 ดอย สร้างสรรค์เป็นแบรนด์กาแฟ 4 Valleys พร้อมวางแผนการจำหน่ายสินค้าตลอดทั้งปี ปิดท้ายด้วย Happy Experienceบริการท่องเที่ยวแปลกใหม่แบบมีคอนเซ็ปต์ทุกเส้นทาง และมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเส้นทางเดินทางไปพร้อมกัน เช่นการท่องเที่ยวด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ระดับโลกการท่องเที่ยวจาริกแสวงบุญ พร้อมสถานที่ Unseen ที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยปี 2563 นี้วางแผนการเดินทางทั้งหมด 6ทริป

นอกจากนั้นยังมีสินค้าอื่นๆ จากพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ในประเทศซึ่งเป็นกลุ่มสินค้า Hero Product ของ Happy Shoppingอาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกาแฟสุขภาพ พี่ยักษ์ อาหารเสริมงาดำ Navis plus  อาหารเสริมบำรุงสมองแบรนด์ มายไบรนี่ อาหารเสริมดูแลระบบทางเดินอาหาร GI365 และเครื่องดื่ม แพลนท์สตานอลBenecolตามด้วยสินค้าแฟชั่นและบิวตี้อย่างเซรั่มYURAเสื้อปีกนก Vanessa Lift  กางเกงขาสั้น Alexsander ตลอดจนเครื่องใช้ภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ราวตากผ้า Perfectเครื่องล้างผัก ผลไม้ OZONEชุดสว่านกระแทก INGGO เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง INGGO และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างกล้องติดรถยนต์ Aston  กล้องวงจรปิด AXON เป็นต้น

สำหรับแผนการตลาดในปี 2563 นี้อภิรวี กล่าวว่าจะเดินหน้ากลยุทธ์ในการรักษาลูกค้าที่ยั่งยืน โดยยึดหลักการ “เลือกสินค้าให้แม่น เจาะกลุ่มที่ใช่”  คำนึงถึงการนำเสนอสินค้าคุณภาพให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่เน้นสินค้า Mass ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่ต้องเป็นสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของวัยและมีการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าเพื่อสุขภาพประเภทอาหารเสริมเป็นหลัก

ส่วนการพัฒนารูปแบบการตลาดและการขายนั้น อภิรวี กล่าวเพิ่มเติมว่า Happy Shopping จะรุกหนัก “ช่องทางที่ใช่” ผ่านทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ในรูปแบบ Omni Channel แพลตฟอร์มโดยวางสัดส่วนการทำงานไว้ที่ออฟไลน์ 80% ออนไลน์ 10% และ Outbound 10% จากเดิมทุ่มออฟไลน์เป็นหลักถึง 90% ซึ่งการเดินหน้าการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์ จะเน้นเพิ่มพันธมิตรธุรกิจทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้น อย่าง ONE31 ไทยรัฐทีวี 32 และ อมรินทร์ทีวี 34 นอกเหนือจากช่อง Nation22ที่มีอยู่เดิม ตลอดจนเพิ่มช่องทางการเช่าเวลาในโฆษณา 10 นาที และสปอต 2 นาทีในช่องทีวีดิจิทัลเพื่อขยายการรับรู้ไปสู่กลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการโทรหาลูกค้าโดยตรง (Outbound Call Center)ซึ่งเป็นการใช้ฐาน Databaseมากกว่าแสนรายที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยจะสร้าง CRM กับลูกค้าอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแต่ขายสินค้าอย่างเดียว

ส่วนออนไลน์จะมุ่งทำตลาดครอบคลุมทั้งการนำเสนอผ่านเว็บไซต์บริษัทwww.happyshopping2you.comซึ่งมีรูปแบบการซื้อขายใช้ง่าย สินค้ามีให้เลือกมากมาย หลากหลายประเภท โดยวางเป้าหมายจำนวนสินค้าบนเว็บไซต์ มากกว่า 2,000 รายการภายในปีนี้รวมทั้งสื่อสารผ่านเว็บไซต์ข่าวในเครือ Nation ทั้งหมดและให้ความสำคัญกับSocial Commerce มากขึ้นผ่าน Facebook (happyshopping2you) และ Line (@happy_shopping)ซึ่งปัจจุบันโลกโซเชียลมีเดียนั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุได้มากกว่าที่คิด พิสูจน์ได้จากฐานลูกค้าที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปใช้LINE ในการสั่งซื้อสินค้า และสอบถามรายละเอียดต่างๆของสินค้า อีกทั้ง7-8% จากยอดขายรวมก็มาจากช่องทาง LINE ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังมุ่งกระจายสินค้าและบริการไปยังช่องทางมาร์เก็ตเพลซยอดนิยม เช่น Shopeeและ Lazada(happyshopping_official) อีกด้วย

“เราเชื่อมั่นว่า Happy Shopping ไม่ได้เป็นเพียงน้องใหม่ในวงการธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง ที่มาแรงและน่าจับตามองที่สุดเท่านั้น แต่ด้วยความสำเร็จและการเติบโตที่รวดเร็วนับตั้งแต่เปิดตัวมา ผนวกเข้ากับความมุ่งมั่นที่จะรุกช่องทางการขายแบบ Omni Channelและการพัฒนาคัดสรรสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10 สินค้าต่อเดือนรวมถึงการมีทีมงานคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์ Happy Shopping จึงกล้าตั้งเป้าการเติบโตแบบก้าวกระโดดไว้ที่ยอดขาย 530ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 186% และคาดว่าจะมียอดการเติบโตของลูกค้ากว่า 200% ในปี 2563 ได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้”กรรมการผู้จัดการ แฮปปี้ กรุ๊ป กล่าวทิ้งท้าย


You must be logged in to post a comment Login