วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

การหย่าของชาวอาหรับก่อนอิสลาม

On November 1, 2019

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  1-8 พฤศจิกายน 2562)

สังคมอาหรับก่อนหน้าอิสลามเป็นสังคมเถื่อน ความปลอดภัยในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผู้หญิงจะยอมเป็นภรรยาคนที่เท่าไรก็ได้ของผู้ชายคนหนึ่งเพื่อแลกกับความคุ้มครองและการเลี้ยงดู ผู้ชายจึงมีภรรยาหลายคน

แต่เมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว การระหองระแหงกันก็เป็นเรื่องธรรมดาตั้งแต่เรื่องในครัวยันเรื่องในมุ้ง และการขัดใจไม่สนองตอบความต้องการทางอารมณ์ของสามีเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สามีไม่พอใจถึงขั้นหย่าขาดกันไป ในสมัยก่อนหน้าอิสลามการหย่าของชาวอาหรับทำไปโดยการกล่าวถ้อยคำที่คลุมเครือไม่ชัดเจน ซึ่งทำให้ภรรยาไม่สบายใจว่าตัวเองถูกหย่าแล้วหรือไม่

มีบันทึกกล่าวว่า สาวกคนหนึ่งของนบีมุฮัมมัดมีภรรยารูปร่างหน้าตาดี วันหนึ่งสาวกคนนี้เห็นภรรยากำลังละหมาดอยู่ พอละหมาดเสร็จสาวกคนนี้เกิดมีอารมณ์ปรารถนาในตัวภรรยาขึ้นมา แต่ภรรยาของเขาปฏิเสธ ดังนั้น สาวกคนนี้จึงกล่าวด้วยอารมณ์โมโหว่า “เธอนี่เหมือนกับหลังของแม่ของฉัน”

หลังจากนั้นสาวกผู้นี้รู้สึกผิดที่กล่าวถ้อยคำเช่นนั้นออกมา เพราะการพูดเช่นนั้นเป็นรูปแบบหนึ่งของการหย่าในหมู่ชาวอาหรับก่อนหน้าอิสลาม ดังนั้น เขาจึงบอกภรรยาว่าเธอเป็นที่ต้องห้ามในการมีเพศสัมพันธ์กับเขาแล้ว แต่ภรรยาของเขาได้ตอบว่า “อย่าพูดเช่นนั้นนะ ไปหานบีมุฮัมมัดและถามท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียก่อน”

แต่สาวกรู้สึกอายที่จะถามเรื่องนี้กับท่านนบี นางจึงขอสามีไปถามท่านนบีเองในสิ่งที่สามีของนางได้ทำไป นางถามนบีมุฮัมมัดว่า “มีทางใดบ้างไหมที่จะทำให้เราสองคนกลับมาอยู่กันฉันสามีภรรยาได้อย่างถูกต้องเหมือนเดิม?”

นบีมุฮัมมัดตอบว่า “ถ้าอย่างนี้เธอเป็นที่ต้องห้ามสำหรับเขาแล้ว” นางจึงกล่าวว่า “นบีคะ จริงๆแล้วเขาไม่ได้คิดจะหย่าฉัน เขาเป็นพ่อของลูกๆของฉันและฉันยังคงรักเขา” นบีมุฮัมมัดจึงตอบว่า “ฉันยังไม่ได้รับคำบัญชาจากพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวมา”

หลังจากนั้นนางได้เวียนกลับมาหานบีมุฮัมมัดอีกหลายครั้งเพื่อฟังคำตอบ แต่นบีมุฮัมมัดไม่สามารถให้คำตอบแก่นาง เพราะท่านยังไม่ได้รับคำสั่งจากพระเจ้าเป็นแนวปฏิบัติในเรื่องนี้

divorce

ครั้งหนึ่งนางได้มาร้องไห้ต่อหน้านบีมุฮัมมัดพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันร้องทุกข์ต่อพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องความลำบากของฉันมาตลอด โอ้พระเจ้า โปรดคลายความทุกข์ของฉันด้วยการส่งวิธีการแก้ปัญหามายังนบีของพระองค์ด้วยเถิด” แต่เมื่อนางยังไม่ได้รับคำตอบจากท่านนบีนางจึงกลับไป

หลังจากนั้นนางได้กลับมาหาท่านนบีอีกและรบเร้าท่านนบีให้ช่วยแก้ปัญหาของนาง จนกระทั่งภรรยาของนบีมุฮัมมัดได้บอกนางว่า “หยุดรบเร้าเซ้าซี้ได้ไหม เธอไม่เห็นหน้าของท่านนบีหรือ?”

ในตอนนั้นสีหน้าของนบีมุฮัมมัดเริ่มเปลี่ยนไปเพราะท่านกำลังได้รับคำบัญชาจากพระเจ้า หลังจากนั้นสักพักหนึ่งท่านนบีได้หันมาทางหญิงคนนั้นและกล่าวว่า “ไปเรียกสามีของเธอมา”

เมื่อสามีของนางมาถึง ท่านนบีได้อ่านคำบัญชาของพระเจ้าให้เขาฟังและถามว่า “ท่านสามารถไถ่โทษด้วยการปลดปล่อยทาสหนึ่งคนได้ไหม?” เขาตอบว่า “ถ้าทำเช่นนั้นฉันจะไม่มีอะไรเหลือเลย” นบีมุฮัมมัดจึงถามว่า “ท่านสามารถถือศีลอดต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 เดือนได้ไหม?” เขาตอบว่า “ถ้าวันหนึ่งฉันไม่ได้กินอาหาร 3 มื้อ ตาของฉันจะพร่ามัว และถ้านานวันฉันอาจตาบอดได้” ท่านนบีจึงถามว่า “ท่านสามารถเลี้ยงอาหารคนยากจน 60 คนได้ไหม?” เขาตอบว่า “ได้ ถ้าท่านช่วยฉัน”

ท่านนบีได้ตอบเขาว่า “ฉันจะช่วยท่านด้วยการให้ข้าวจำนวนหนึ่ง”

เมื่อสาวกคนนั้นได้รับข้าวจากท่านนบีแล้ว เขาได้นำไปทำอาหารเลี้ยงคนยากจน 60 คน และร่วมกินกับคนเหล่านั้นด้วย เมื่อทำเช่นนั้นแล้วกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับภรรยาก็เป็นที่สิ้นสุด และเขาสามารถกลับมาอยู่กับภรรยาได้เหมือนเดิม

นี่เป็นภูมิหลังของเหตุการณ์ที่ทำให้การหย่าแบบดั้งเดิมของชาวอาหรับก่อนหน้าอิสลามถูกยกเลิก และมีการเปลี่ยนแปลงการหย่าให้เป็นไปตามประสงค์ของพระเจ้าในเวลาต่อมา

 


You must be logged in to post a comment Login