วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

บ่นอย่างสร้างสรรค์

On July 31, 2019

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 31 ก.ค. 62)

การจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในวันเฉลิมพระชนมพรรษาส่วนใหญ่มักจะจุดประมาณ 1 ทุ่มหรือ 1 ทุ่มครึ่ง หรือไม่เกิน 2 ทุ่ม แต่ปีนี้ล่าช้าไปถึง 2 ทุ่มครึ่ง ถือว่าผิดเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งอาตมาได้เตรียมคนไว้ 2 รุ่น รุ่นแรกเป็นกลุ่มแม่ขาว ถวายพระพรด้วยการขอให้พระองค์ทรงมีอายุมั่นขวัญยืน สืบอายุพระศาสนา เป็นองค์ศาสนูปถัมภกทั้งฝ่ายบำรุงพระศาสนาและปกป้องคุ้มครองพระศาสนา เสร็จแล้วก็ยืนสงบจิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเวลา 1 ทุ่มกว่าๆ สำหรับแม่ขาวถือศีลอุโบสถหรือพวกถือศีล 8

อีกรุ่นหนึ่งคือผู้สูงวัย ซึ่งคอยจนถึง 2 ทุ่ม 15 นาที 20 นาที รู้สึกไม่ไหวแล้ว สงสารคนแก่ ก็เลยขอทำก่อนท้องสนามหลวงคงไม่ผิดอะไร เพราะถ้าคอยไปคนแก่เป็นลมเป็นแล้งไปก็ลำบาก พูดถึงเรื่องการบริหารเวลา ถ้าผู้นำประเทศไม่ตรงเวลาบ่อยๆอาจจะทำให้คนที่รอคอยเบื่อหรือเอือมระอา ถ้าไม่มีการบอกว่าเวลาเท่าไรถึงจะมาถึงหรือจะเริ่มพิธี บริหารเวลาไม่ได้แล้วจะบริหารประเทศอย่างไร คนที่คอยไม่ได้ก็บ่นกันไป คนแก่ก็ต้องเห็นใจเขา เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป

เรื่องการรอคอยต้องรักษาเวลากันพอสมควร ปีหน้าฟ้าใหม่ควรประกาศให้ชัดเจนว่า จะใช้เวลาเท่าไร เริ่มเมื่อไร เลิกเมื่อไร อยากฝากผู้นำประเทศว่าอย่าให้การรอคอยเป็นเรื่องบั่นทอนความเชื่อมั่น ความศรัทธา ความไว้วางใจต่างๆ ถ้าไม่มาหรือมาไม่ได้ต้องบอกให้รองนายกรัฐมนตรีหรือใครก็แล้วแต่ให้ทำไปก่อน อาตมาคิดว่าเป็นทางออกที่น่าจะรักษาอารมณ์คนคอยได้ในระดับหนึ่ง

ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะรถติดหรือถือฤกษ์ ต้องคิดในมุมดี อย่าไปคิดมุมร้ายหมด เผื่อจะมีการถือฤกษ์ว่าต้องเวลาเท่านั้นเท่านี้ แต่ก็ควรบอกให้คนที่รอคอยรับทราบ คิดในแง่ดีท่านอาจถือฤกษ์ถือยาม ต้องมาเวลานั้นเวลานี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมากมาย ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ 1-2 ครั้งพอทนได้ แต่ถ้า 3 ครั้ง 5 ครั้ง 7 ครั้ง อาจทำให้เสียมวลชนคนเลื่อมใส คนสนับสนุน คนเชียร์ ถ้าคอยจนเพลียอาจจะเปลี่ยนใจจากเชียร์มากกลายเป็นเชียร์กลางๆ เชียร์น้อย หรืออาจไม่เชียร์ แถมยังบ่นตามมาด้วยซ้ำไป

เขาบอกว่าถ้าเราสร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธาไม่ได้ ความสำเร็จในการงานต่างๆทั้งหลายก็คงจะลำบาก อย่างที่หนังสือพิมพ์ชอบเขียนว่า จะอยู่อย่างไร หรือจะอยู่อย่างเฉาๆ เหงากันไป เพราะถูกมองว่าเป็นพวกที่บริหารจัดการเวลาไม่เป็น เขาบอกว่าเวลาและวารีไม่เคยคอยใคร น้ำขึ้น น้ำลง ไม่เคยคอยใคร ได้เวลาขึ้นก็ขึ้น ได้เวลาลงก็ลง ดังนั้น ถ้านายกรัฐมนตรีจะอยู่ให้มั่นคง 4 ปี ต้องเริ่มบริหารจัดการเวลาให้เป็นที่พอใจแก่ผู้รอคอย ถ้ารถติดไม่ว่ากัน ถ้ารอฤกษ์ยามก็ไม่ต้องไม่ว่ากัน เพราะคนไทยยังถือฤกษ์ถือฤกษ์ยามอยู่ แต่ถ้าเป็นด้วยวิสัยอะไรต่างๆนอกจากนี้ก็ไม่รู้ได้

เราคงจะทราบข่าวในวันต่อมาว่าเหตุใดจึงเลยเวลาไปเยอะ ตามกำหนดการทีแรกเขาบอกว่าไม่น่าจะเกิน 2 ทุ่ม เพราะต้องมีข่าวในพระราชสำนัก แต่นี่กลับเลยเวลาไปเยอะมาก อาตมาเองก็เคยเจอรถติด 3-4 ชั่วโมง ถ้ารถติดแค่นี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่แจ้งเหตุที่ล่าช้าก็จะเป็นที่คลางแคลงใจของประชาชนทั่วไป

ดังคำกล่าวที่ว่า ถ้าทำผิดแล้วสำนึกได้ ขอโทษ ยังมีโอกาสเป็นบัณฑิต แต่ถ้าทำผิด พูดผิดอะไรต่างๆแล้วไม่ขอโทษ อันนี้อาจจะเป็นบัณฑิตที่ลดดีกรีลงไปได้ ก็ต้องบอกว่า ใครที่ทำอะไรแล้วคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศคอยคน 20 คน ก็ต้องมีการบ่นกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องบ่นให้ดี บ่นอย่างสร้างสรรค์ อย่าไปบ่นทำลายจนถึงกับเสียหายวายวอด บริหารรัฐบาลไม่ได้ อันนั้นก็เกินไป เหมือนฝ่ายค้านถ้าค้านพอประมาณ คนก็ยังให้คะแนนฝ่ายค้านได้ แต่ถ้าค้านปนแค้นคงลำบากเหมือนกัน

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแค้น แต่เป็นเรื่องที่ต้องบอกกัน เตือนกัน เพื่อวันหน้า โอกาสหน้า เพราะทุกคนก็ต้องมีงาน มีเวลาที่ฟิกซ์ไว้ เกิดมาเสียงานแรก งาน 2 งาน 3 ก็พลอยล้มเป็นโดมิโนไปด้วย คอยทีเป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่เสียหายเหมือนกัน แต่เสียหายชนิดแก้ไขได้ ถ้าขอโทษแล้วปรับปรุงในคราวหน้าทุกอย่างก็เดินได้ ไม่มีใครต้องมาสกัดอะไรกันมากมาย ถ้ารู้สึกขอโทษเร็วๆ รู้สึกให้อภัยไวๆ อย่างที่เขาบอกรู้จักขอโทษไวๆ แล้วให้อภัยเร็วๆ เปลวนรกก็จะไม่เผาอกเผาใจ อยู่กันสบายต่อไป

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login