วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

“กฤษฎา”เซตซีโร่นมโรงเรียนกระจายงบเกลี่ย5ภูมิภาค

On March 31, 2019

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ปฏิรูประบบบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน โดยปลัดกระทรวงเกษตรฯเป็นประธาน อธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นเลขานุการ มีกรรมการจากหน่วยงานที่กำกับดูแลการผลิตและจำหน่ายน้ำนม 3 คน กรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการผลิต 2 คน กรรมการจากหน่วยงานที่เป็นผู้รับบริการ 3 คน และผู้ทรงคุณวุฒิที่ประธานคณะกรรมการแต่งตั้งอีก 3 คน โดยปลัดกระทรวงเกษตรฯรายงานว่า จะประชุมคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนครั้งแรกในวันที่ 4 เมษายนนี้ เพื่อจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด ขณะเดียวกันต้องเร่งชี้แจงทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจระบบบริหารจัดการใหม่ในการจัดสรรสิทธิ (โควตา) ให้ผู้ประกอบการและพื้นที่จำหน่ายนมโรงเรียนได้กระจายอำนาจไปให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯระดับกลุ่มพื้นที่ 5 กลุ่ม ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อให้ทันเปิดภาคเรียนเทอม 1 วันที่ 16 พฤษภาคม ในเบื้องต้นคณะกรรมการต้องสำรวจจำนวนนักเรียนในโครงการทั่วประเทศ ซึ่งมีประมาณ 7.3 ล้านคน อย่างชัดเจนทุกเทอม

นายกฤษฏากล่าวว่า ขณะเดียวกันจะมีการเปลี่ยนจากการทำบันทึกข้อตกลงซื้อขาย (MOU) ซึ่งไม่มีผลทางกฎหมาย มาเป็นสัญญาซื้อขายระหว่างกันตาม พ.ร.บ.เกษตรพันธสัญญา พ.ศ. 2560 พร้อมเร่งจัดทำระบบฐานข้อมูล (Big Data) จะทำให้รู้ทั้งปริมาณนมแท้จริงเท่าไรและผู้ประกอบการรายไหนซื้อนมจากเกษตรกรรายใด ต้องเข้ามาอยู่ในระบบทั้งหมด เพื่อควบคุมทั้งปริมาณและคุณภาพของนม เพื่อแก้ปัญหาข้อร้องเรียนที่เข้ามามากถึงการจัดสรรสิทธิ ตามข้อเสนอแนะจากสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยแยกโครงสร้างการบริหารออกจากคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ นอกจากนี้ตามมติ ครม.ใหม่ได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบคุณภาพนมโรงเรียนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างเข้มงวดขึ้น และในอนาคตจะเพิ่มสารอาหาร เช่น เติมไอโอดีน ดีเอชเอ ลูทีน โคลีน เป็นต้น ตามความจำเป็นและเหมาะสมสำหรับแต่ละเขต เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ สารอาหารครบถ้วน

ด้าน น.สพ.ณรงค์ เลี้ยงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีชีวภาพการผลิตปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การแบ่งพื้นที่การจัดสรรสิทธิจำหน่ายโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน งบประมาณปีละ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งในเทอม 1/2562 ที่จะเปิดวันแรกในวันที่ 16 พฤษภาคมนั้น กรมปศุสัตว์ได้มีการจัดสรรแบ่งตามพื้นที่เขตในการดูแลโดยทั้ง 5 กลุ่ม หลักการก็ให้แต่ละกลุ่มไปพิจารณาพื้นที่ของตนเองว่ามีน้ำนมดิบปริมาณเท่าไร หากไม่เพียงพอก็ให้มองเขตใกล้เคียง หรือกลุ่มไหนที่มีน้ำนมดิบเกินก็ให้ประสานไปที่กลุ่มข้างเคียงเช่นเดียวกัน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นประธานในแต่ละคณะประสานกันได้ ทั้งนี้ ยกเว้นเทอม 1/2562 ที่จะเปิดการศึกษาในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ไม่ทัน จะให้ส่วนกลางจัดก่อน แต่ยืนยันว่าเซตซีโร่ทั้งหมด ทั้งปริมาณน้ำนมดิบนำมารื้อดูใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่ใครได้ 100 ตัน/วัน จะได้แบบเดิม ไม่ใช่แล้ว ในระหว่างนี้กรมปศุสัตว์จะเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจในแต่ละกลุ่มเพื่อให้เตรียมความพร้อมสำหรับรอบต่อไป คือเทอม 2/2562

ขณะที่นายปภณภพ เฉลิมกลิ่น ผู้จัดการสหกรณ์โคนมท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ตัวแทนกลุ่ม ACPU ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจำหน่ายนมโรงเรียนทั้งสหกรณ์ ศูนย์รวบรวมน้ำนมเอกชน และมหาวิทยาลัย กล่าวว่า แนวทางปฏิรูปการบริหารจัดการใหม่นี้จะทำให้การแจ้งซื้อขายน้ำนมดิบเท็จทำได้ยากขึ้น ที่ผ่านมามีขาใหญ่ที่มีโควตาการจัดสรรสิทธิจำหน่ายมาก เป็นการเอาเปรียบและเบียดบังสิทธิของผู้ประกอบการที่แจ้งตามปริมาณน้ำนมดิบที่รับซื้อจริง นอกจากนี้การที่แยกคณะกรรมการนมโรงเรียนออกจากคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม รวมถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนที่ตัดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งผู้แทนเกษตรกรและผู้แทนผู้ประกอบการออก รวมถึงองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายนมโรงเรียนด้วยนั้น มั่นใจว่าจะทำให้เกณฑ์การจัดสรรสิทธิมีความเป็นธรรมและโปร่งใสยิ่งขึ้น


You must be logged in to post a comment Login