วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

สนามช้างฝันสร้างนักบิด “พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” สู่ “โมโตจีพี”

On November 26, 2018

 

 

พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ขยับขึ้นสู่เรซที่ดีที่สุดของประเทศไทย ขณะที่บอสใหญ่ “บิ๊กเน”เนวิน ชิดชอบ ฝันอยากเห็นเด็กไทยลงบิดในโมโตจีพี ขอใช้รายการนี้เพื่อปลุกปั้นทีมแข่งไทย-นักบิดไทยสู่วงการแข่งขันระดับโลกในอนาคต

นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดเผยว่า “การจัดโมโตจีพีให้ดีที่สุด ไม่ใช่ความฝันสูงสุดของผม แต่ความฝันของผมคือการได้เห็นเด็กไทยในการแข่งขันโมโตจีพี ไม่ใช่รุ่น โมโตทรี หรือ โมโตทู แต่หมายถึงคลาสสูงที่สุดอย่าง โมโตจีพี ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนในรายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ จะทำให้ฝันของผมและฝันของคนไทยเป็นจริง”

“สำหรับการแข่งขัน พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ใน 3 ปีที่เราเริ่มกันมา เราถือว่าทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน หลายคนไม่คิดว่าเราจะไม่สามารถเติบโตและยิ่งใหญ่ได้ขนาดนั้น วันนี้ถ้าพูดถึงในเรื่องของความเร็ว ความพร้อม การพัฒนาการของวงการสองล้อ ผมเชื่อว่ารายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ คือรายการที่ดีที่สุด คือเบอร์หนึ่งของไทย”

“ในนามของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผมขอบคุณที่ทุกคนอยู่ด้วยกันด้วยความเหนียวแน่น และก้าวไปด้วยกันเพื่อพัฒนาไปสู่การแข่งขันระดับโลก โดยเฉพาะ ปตท. ที่ก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญของการจัดการแข่งขัน พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ในอดีตผมเคยพูดว่าเราจะจัดการแข่งขันโมโตจีพี ที่สนามแห่งนี้ให้ได้ หลายคนไม่เชื่อ แต่เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราทำได้ ซึ่งมันเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันของพวกเราทุกคนและยิ่งตอกย้ำแนวทางการพัฒนาการแข่งขันในเมืองไทย”

นายวงศ์สถิต สุวรรณสุทธิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดในประเทศและเทคนิคหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนรายการนี้ มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นพัฒนาการ ของรายการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบประเทศไทย ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น”

“ในปีนี้เราได้เห็นประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ซึ่งถือว่าเป็นมอเตอร์สปอร์ตแบบสองล้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และ พีทีที ก็เป็นผู้สนับสนุนหลัก ซึ่งเรามองเห็นความสอดคล้องของการแข่งขันในประเทศ ที่จะสามารถสร้างนักบิดไทย ทีมแข่งไทยให้แข็งแกร่ง จนพัฒนาไปสู่การแข่งขันในระดับโลกได้ เราขอยืนยันว่าจะยังคงสานต่อในการร่วมพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างต่อเนื่อง”

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า “ในปี 2018 ของ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เราเห็นได้ชัดว่าการแข่งขันนั้นเข้มข้นทุกสนาม ไม่มีสนามใดเลยที่แพ้ชนะกันแบบขาดลอย ซึ่งในปีนี้เราเห็นได้ชัดว่าการขับเคี่ยวนั้นมีความเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นยังมีการสลับสับเปลี่ยน การย้ายทีมของนักบิดทีมต่างๆ ทำให้ การต่อสู้ของทีมเล็กๆ หรือทีมที่ไม่ใช่ทีมโรงงานนั้นมีความใกล้เคียงกันมากขึ้น”

“สิ่งสำคัญคือหลายทีมมีศักยภาพสูงขึ้น ทีมเล็กๆ สามารถขยับขึ้นมาต่อสู้กับทีมใหญ่ๆ ได้ นี่คือหนึ่งในก้าวสู่เป้าหมายของเราในฐานะผู้จัดการแข่งขัน โดยผู้ชนะสามารถที่จะเป็นใครก็ได้”

“นั่นคือเป้าหมายของเราตลอด 3 ปีที่จัดการแข่งขันมา คือเราอยากให้การแข่งขันมีมาตรฐานสูงทึ่สุด ผมเชื่อว่าเราได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว แต่สิ่งที่อยากให้เพิ่มเข้ามาคือเรื่องของสีสันและความบันเทิงที่สามารถสัมผัสกับแฟนๆ ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเกมความเร็วที่ใครๆ ก็ดูได้”

“สิ่งที่เราต้องการรักษาไว้มากที่สุด คือมาตรฐานการแข่งขัน ความรัดกุมของกติกาของรุ่นใหญ่ๆ รุ่นของการแข่งขันหลักๆ เอสบี1, เอสบี2 รวมถึง เอสที 1 จะยังคงไว้เหมือนเดิม เพราะเราต้องการให้คงไว้ซึ่งรุ่นการแข่งขันที่ไม่เยอะมาก เพื่อให้มีคุณภาพสูงที่สุด ส่วนรุ่นอื่นๆ อาจมีการปรับกติกาเทคนิคบ้างเล็กน้อย เพื่อให้มีสีสันและสนุกมากขึ้น ส่วนเรื่องของการจัดในรูปแบบอินเตอร์เนชั่นแนลเรซ จะเห็นได้ว่าในปีนี้เรามีทีมแข่งต่างชาติเริ่มเข้ามาชิมลางและในปีหน้าเชื่อว่าจะมีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นแนวทางที่สำคัญของเราในปี 2019 ด้วย”

ด้าน “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร แชมเปี้ยนในคลาสสูงสุดอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซี.ซี. เอสบี1 ที่ครองบัลลังก์สูงสุดไว้ได้ 2 ปีติดต่อกัน เปิดเผยว่า “ปีนี้เป็นอีกปีที่การชิงแชมป์ในแต่ละสนามยากขึ้นเรื่อยๆ คู่แข่งจากทีมอื่น และทีมเมทของผมต่างก็พัฒนาตัวเองขึ้นมา ทำให้สร้างความกดดันมากพอสมควร แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถคว้าแชมป์ประจำปี 2 สมัยติดต่อกันได้ คือการมีทีมช่างที่ดี ซึ่งมีส่วนในการพัฒนารถแข่งและเซ็ตอัพได้ดีในทุกๆ สนาม”

“การเทรนนิ่งที่ถูกวิธีและเหมาะสมกับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ ทำให้สามารถควบคุมรถแข่งได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทำสิ่งที่แตกต่างซึ่งยากกว่าเดิมได้มากขึ้น และเชื่อว่านี่จะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับนักแข่งรถทุกคน หากอยากประสบความสำเร็จ เพราะนักแข่งรถระดับโลกทุกคนต่างก็มีโปรแกรมการออกกำลังกาย และเทรนนิ่งที่เข้มงวดเพื่อให้สามารถใช้สำหรับการแข่งขันระดับโลกที่โหดมากจริงๆ”

“สำหรับการคว้าแชมป์ประจำปี 2 ปีติดต่อกัน ในรายการนี้ร่วมกับ คอร์ คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากครับ ผมมีความสุขมากที่ได้ทำงานร่วมกับทีมที่มีระบบการจัดการแบบมืออาชีพ และพร้อมที่จะพัฒนาไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในปีหน้าเราก็จะลงแข่งขันในรายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์เช่นเคย แต่จะมีเพิ่มโปรแกรมแข่งขันในรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ รุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซี.ซี. ซึ่งจะเริ่มแข่งขันกันในปี 2019”

“ส่วนตัวผมมองว่า พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ คือรายการที่ดีมากๆ นะครับ มาตรฐานสูงและพยายามยกระดับการแข่งขันในไทยไปสู่ระดับสากล ผมเชื่อว่านี่คือหนึ่งในเวทีสำคัญของนักแข่งไทยทุกคน ทีมแข่งไทยทุกคนที่จะได้พัฒนาตัวเอง ก่อนไปสู่เกมในระดับทวีปและระดับโลกต่อไป”


You must be logged in to post a comment Login