วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

กำขี้ดีกว่ากำตด

On June 21, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ผลกระทบจากโพลแลนด์สไลด์ว่าจะได้ ส.ส. จำนวนมากหากมีเลือกตั้ง ทำให้เกิดปฏิกิริยาโต้กลับรุนแรงเพื่อดูดอดีต ส.ส. และอดีตผู้สมัครเกรดบีบวกออกจากพรรค ยิ่งนายใหญ่ นายหญิง ติดเงื่อนไขกฎหมาย ไม่อาจเทคแอ็คชั่นเพื่อหยุดเลือดไหลได้ พรรคยิ่งสะเทือน ส่วนกรณีที่แกนนำขู่คนที่ออกไปทำนองว่าเสี่ยงสอบตก เพราะประชาชนจะให้บทเรียน ก็น่าจะเป็นเพียงคำขู่เชิงหลักการเพื่อปลอบใจตัวเอง คนทิ้งพรรคไม่ได้ยี่หระกับคำขู่นี้ แม้หลังเลือกตั้งจะสอบตก แต่สิ่งที่ได้รับจากการย้ายสังกัดคุ้มค่าเนื่องจากเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ที่สำคัญไม่มีใครมั่นใจว่าหลังเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล หากเป็นรัฐบาลจะบริหารประเทศได้กี่วัน กี่เดือน กี่ปี เพราะมีความเสี่ยงทั้งการถูกต่อต้านทางการเมือง ทั้งการติดกับดักข้อกฎหมายที่ถูกวางไว้ เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้อย่ามาพูดกันเรื่องอุดมการณ์ เพราะ “กำขี้ดีกว่ากำตด”

เทียบเชิญให้มาร่วมวงถกคลายล็อกพรรคการเมืองถูกร่อนจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงพรรคการเมืองต่างๆเป็นที่เรียบร้อย ต้องรอดูปฏิกิริยาตอบรับจากพรรคการเมืองว่าพรรคไหนจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม

ชัดเจนแน่นอนว่าวงถกร่วมระหว่าง คสช. กับพรรคการเมืองครั้งนี้ไม่ฟันธงเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง แต่อาจพูดเป็นกรอบเวลาเอาไว้ ซึ่งคงจะยึดตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเป็นหลักคือ ภายใน 150 วันหลังร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ฉบับสุดท้ายมีผลบังคับใช้ ซึ่งในที่นี้ก็คือร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)

อย่างไรก็ตาม การที่ทีมงานในเครือข่ายผู้มีอำนาจเร่งออกเดินสายดูดอดีต ส.ส. เข้าสังกัดก็น่าจะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ประการหนึ่งว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในไม่ช้า

ผลกระทบจากแรงดูดครั้งนี้เป็นไปตามที่คาดคือ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่เกิดความสั่นสะเทือนมากที่สุด

ยิ่งเมื่อ 2 อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ติดเงื่อนไขกฎหมายไม่อาจเทคแอ็คชั่นสกัดการดูดได้อย่างเปิดเผย และยังไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการส่งเสบียงสนับสนุนอย่างเต็มกำลังเหมือนที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เกิดความระส่ำระสายภายในพรรคมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีข่าวไม่สู้ดีเกี่ยวกับการขัดแย้งภายในระหว่าง 2 ขั้วใหญ่ เรื่องการชิงกันเป็นแม่ทัพถือธงนำพรรคลุยสนามเลือกตั้ง

แม้จะมีคำยืนยันในเบื้องต้นว่าผลกระทบจากแรงดูดที่พรรคเผชิญอยู่ในตอนนี้มีไม่มาก เพราะมีอดีต ส.ส. อดีตผู้สมัครที่ทำคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรค ยืนยันลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไม่ถึง 40% แต่ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง เพราะหมายความว่าอดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร ออกไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่เกือบครึ่งหนึ่ง

ที่เป็นอย่างนี้น่าจะเป็นผลมาจากการทำโพลของพรรคที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นปีหน้าพรรคจะได้ ส.ส. ไม่ต่ำกว่า 230 เสียง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอจะให้พรรคชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้

เมื่อผลโพลออกมาแบบนี้ แรงดูดจากฝ่ายตรงข้ามจึงรุนแรงอย่างที่เห็น เพราะต้องการตัดกำลังของพรรคเพื่อไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป้าหมายคือตัดกำลังของพรรคเพื่อไทยให้ได้ ส.ส. ต่ำกว่า 200 เสียง ยิ่งต่ำกว่า 150 เสียงได้ยิ่งดี

ส่วนกรณีที่แกนนำพรรคขู่คนที่ออกไปทำนองว่าเสี่ยงสอบตก ไม่ได้เป็น ส.ส. ประชาชนจะให้บทเรียน ก็น่าจะเป็นเพียงคำขู่เชิงหลักการเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น คนที่ทิ้งพรรคไม่ยี่หระกับคำขู่นี้

ถึงแม้หลังเลือกตั้งจะสอบตก ไม่ได้เป็น ส.ส. จริง แต่สิ่งที่ได้รับจากการย้ายสังกัดถือว่าคุ้มค่า เพราะสิ่งที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมดีกว่าไปหวังน้ำบ่อหน้าที่จะได้กินดื่มหลังเลือกตั้ง

ที่สำคัญไม่มีใครมั่นใจว่าหลังเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน หากได้เป็นรัฐบาลจะบริหารประเทศได้กี่วัน กี่เดือน กี่ปี เพราะมีความเสี่ยงทั้งการถูกต่อต้านทางการเมือง ทั้งการติดกับดักข้อกฎหมายที่ถูกวางไว้

เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ไม่ต้องพูดกันถึงเรื่องอุดมการณ์ เพราะ “กำขี้ย่อมดีกว่ากำตด”


You must be logged in to post a comment Login