วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ปฏิรูปตัวเอง

On May 23, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การเมืองในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคนไทยได้บทเรียนมามาก อาจเป็นจุดเปลี่ยนให้เกิดแนวคิดไม่ยอมรับการเคลื่อนไหวบนท้องถนนมากขึ้นในกลุ่มคนกลางๆที่ไม่เลือกข้างชัดเจน ทิศทางการต่อสู้ทางการเมืองหลังจากนี้เป็นไปได้ว่าน่าจะกลับไปต่อสู้กันตามระบบ กลับไปสู้กันในสนามเลือกตั้ง สู้กันในสภามากขึ้น แม้จะมีตุกติกนอกเกมบ้าง โอกาสที่จะได้เห็นการออกมาต่อสู้บนท้องถนนคงลดน้อยลงหรือแทบไม่มีเลย นี่ไม่ใช่ความสำเร็จของการปฏิรูป แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากการเรียนรู้ของประชาชน

ครบ 4 ปีการยึดอำนาจปกครองประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลายคนอาจมองว่าล้มเหลว เสียของ ค้างเติ่ง แต่ก็มีมุมมองย้อนกลับที่น่าสนใจว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่มีอะไรเสียของ ตรงกันข้าม คสช. ได้ทุกอย่างที่ต้องการเสียด้วยซ้ำ

สิ่งที่ คสช. ได้ไปแล้วคือการครองอำนาจบริหารประเทศยาวนานถึง 4 ปีเต็มอย่างที่รัฐบาลเลือกตั้งทำไม่ได้ ได้รัฐธรรมนูญตามที่ต้องการ ได้อำนาจการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา 250 คนมาไว้ในมือ ได้ใช้งบประมาณจัดซื้อของหลายอย่างที่อยากได้มานานแต่ขอไม่เคยสำเร็จในรัฐบาลเลือกตั้ง เช่น เรือดำน้ำ ได้กฎหมายลูกตามอย่างที่ต้องการทั้งกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายเลือกตั้ง ได้คนเข้าไปนั่งทำงานในองค์กรอิสระเกือบครบทุกองค์กร เหลือเพียงกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่อยู่ระหว่างการสรรหารอบที่ 2 ฯลฯ

ถ้ามองในมุมนี้จะเห็นว่า คสช. ได้อะไรไปแล้วมากมายหลายเรื่องตามที่ต้องการ ไม่มีอะไรเสียของหรือเสียเวลาไปเปล่าๆ 4 ปีอย่างที่พูดกัน

ย้อนมาที่การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง อย่างที่บอกไปแล้วว่าแม้จะพอมีเงื่อนไขให้ม็อบจุดติด แต่หากเป็นม็อบที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่มีใครที่มีทุน มีอำนาจ มีเครือข่ายจัดตั้งหนุนหลัง เป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้

ต้องยอมรับความจริงกันก่อนว่าม็อบการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าม็อบฝ่ายไหนล้วนเป็นม็อบจัดตั้งโดยนักการเมือง กลุ่มการเมืองที่มีพลัง มีอิทธิพล มีทุน ไม่มีม็อบไหนที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

ทุกม็อบล้วนเป็นม็อบที่มีคนเริ่มจุดไฟขึ้นมาทั้งสิ้น ส่วนเมื่อจุดแล้วไฟจะลุกลามไปได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ม็อบกลุ่มคนอยากเลือกตั้งก็เช่นเดียวกัน แม้จะดูเหมือนกระแสแรงในโลกโซเชียล มีคนที่มีแนวคิดในทิศทางเดียวกันค่อนข้างมาก แต่ในสนามจริงกลับแรงไม่เท่า เมื่อเป็นพลังบริสุทธิ์ ไม่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างเต็มที่ จำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมจึงน้อยกว่าเจ้าหน้าที่ที่มารักษาความสงบเรียบร้อยอย่างที่เห็น

การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งผลที่ได้รับเต็มที่นอกจากคดีความติดตัวบรรดาแกนนำแล้ว ก็จะได้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงความคิดของคนที่คิดเห็นไปในทางเดียวกันไม่ให้จางหายไป

ความรุนแรงหากจะมีก็เป็นแค่ความรุนแรงทางความคิดที่เผยแพร่กันทางโลกโซเชียล ไม่มีทางที่จะเกิดเหตุอย่างเช่นม็อบปีนเข้าทำเนียบรัฐบาล บุกยึดสนามบิน ชัตดาวน์เมืองหลวงด้วยการปิดการจราจรตามแยกสำคัญ หรือตั้งเวทีไฮปาร์คกลางแยกราชประสงค์

หากจะมีความรุนแรงบ้างก็แค่การดึงกันไปดันกันมาระหว่างม็อบกับเจ้าหน้าที่ ถ้าจะแรงกว่านั้นก็คงต้องมีมือที่สามใช้อาวุธลอบยิงเจ้าหน้าที่หรือผู้ชุมนุมเพื่อจุดชนวนสร้างสถานการณ์ตามที่ฝ่ายข่าวของรัฐรับทราบมาว่ามีคนพยายามฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์อยู่

การเมืองในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยได้บทเรียนมามาก และอาจเป็นจุดเปลี่ยนให้เกิดแนวคิดไม่ยอมรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองบนท้องถนนมากขึ้นในกลุ่มคนกลางๆที่ไม่เลือกข้างทางการเมืองชัดเจน

ที่สำคัญตัวผู้เล่นที่จะมารับบทเด่นเป็นแกนนำการชุมนุมไม่ว่าฝ่ายไหนแทบจะหมดดาราระดับแม่เหล็กที่จะใช้นำม็อบเพื่อดึงคนออกจากบ้านแล้ว

ทิศทางการต่อสู้ทางการเมืองหลังจากนี้เป็นไปได้ว่าน่าจะกลับไปต่อสู้กันตามระบบ กลับไปสู้กันในสนามเลือกตั้ง สู้กันในสภามากขึ้น แม้จะมีตุกติกนอกเกมบ้าง โอกาสที่จะได้เห็นการออกมาต่อสู้บนนท้องถนนคงลดน้อยลงหรือแทบไม่มีเลย นี่ไม่ใช่ความสำเร็จของการปฏิรูป แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากการเรียนรู้ของประชาชน

หลังการเลือกตั้ง (ถ้ามี) การเมืองอาจจะถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้


You must be logged in to post a comment Login