วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ต้องรู้จักแยกแยะ / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On April 25, 2018

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

แผ่นดินถล่ม ฟ้าทลาย ใครจะนึกว่า เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นในคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ที่มีพระผู้ใหญ่ 4-5 รูป ระดับชั้นพรหม รองสมเด็จและเจ้าหน้าที่ พระที่เกี่ยวข้องถึง 7 รูป ถูกกล่าวโทษทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 มูลค่าความเสียหาย 140 ล้านบาท แม้ยังต้องรอการสอบสวนของตำรวจและป.ป.ช.ก่อน ซึ่งมีเอกสารกว่า 4,000 แผ่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ก็บอกว่าเป็นพระราชอำนาจของสมเด็จพระสังฆราชที่จะตัดสิน  ท่านต้องมารับเผือกร้อนที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย

ประชาชนคงอยากรู้ว่าท่านเอาเงินไปไว้ที่ไหน เอาไปทำไม หรือไม่รู้เรื่อง แต่เป็นพวกลูกศิษย์และ

คนใกล้ชิด อาตมาก็โดนถามเรื่องนี้ บางคนบอกว่าแมลงวันไม่ตอมแมลงวัน พูดอย่างนั้นก็เกินไป อย่าเปรียบพระเป็นแมลงวัน อย่าเอาทางโลกมาเปรียบเทียบกับทางธรรม ไม่เหมือนข้าราชการที่ถูกเปรียบเป็นแมวจ้องจะกินงบประมาณเป็นเหมือนปลาย่าง

ท่านจะโกงจริงหรือไม่ ก็ต้องรอการสอบสวน แต่ในสายตาของอาตมายังเชื่อว่าท่านเป็นพระที่ดีมาก่อน ไต่เต้าจนมีสมณศักดิ์ขนาดนี้ หากโกงจริงก็ถือเป็นการโกงความดีของตัวเองที่สั่งสมมายาวนาน จะมาตกต่ำจมอยู่กับเรื่องเงินทองแค่นี้หรือ มันน่าจะมีใครสมรู้ร่วมคิดหรือโยนความผิดมาให้หรือไม่ หรือโดนหลอกโดนต้ม

แต่เรื่องนี้ถ้าไม่มีข้อมูลเพียงพอก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเอาหัวไปชนภูเขาแน่ ทั้งยังเป็นภูเขาลูกใหญ่อีกด้วย ส่วนที่ว่าจะมีม็อบพระออกมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็บอกว่าอย่ามากดดันเลย ไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าท่านบริสุทธิ์เป็นทองแท้ก็ต้องเป็นทองคำอยู่ดี

อย่างกรณี พระพิมลธรรม ถูกกล่าวและต้องถูกจำคุก สุดท้ายท่านก็พ้นข้อกล่าวหา เป็นผู้บริสุทธิ์เมื่อความจริงกระจ่าง จึงอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเชื่อ ก็ขอฝากชาวพุทธให้แยกแยะว่า ทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี  อย่างคุณชวน หลีกภัย พูดว่า อย่าเหมารวมว่านักการเมืองเลวหมด ทหาร ข้าราชการ ก็มีทั้งคนดีและคนเลว

พระก็มีทั้งดีและไม่ดี ทุกสถาบัน ทุกองค์ก็มีทั้งคนดีและไม่ดี เราก็อย่าให้คนไม่ดีขึ้นมามีอำนาจมีตำแหน่ง เพื่อมาหาผลประโยชน์ ทำให้คนดี พระดีก็เสื่อมเสียไปด้วย ในทางพระพุทธศาสนาจึงเตือนว่า ลาภยศ ลาภสักการะ เสียงสรรเสริญ สามารถเผานิพพานให้เหือดแห้งได้

ยิ่งยุคนี้เรานึกถึงวัฒนธรรมประเพณีเก่าๆ ไม่ใช่เรื่องบุพเพสันนิวาส เรื่องที่ควรนำมาคิดว่ายุคที่ไม่มีน้ำแข็งก็ไม่ได้กินน้ำแข็ง แต่ทำไมคนจึงเย็นอกเย็นใจกว่ายุคนี้ที่มีน้ำแข็งกิน ยุคนี้เห็นคนมากมายที่ใจร้อน จิตใจกระวนกระวาย เมื่อจิตใจไม่สงบก็ไม่ไม่็สว่าง  จิตใจมืดมัวมืดมนก็จะจมอยู่ในความมืดคือ มืดเพราะความโลภ มืดเพราะความโกรธ มืดเพราะความหลง  เห็นผิดเป็นชอบ

ก็ขอให้พ้นจากความร้อนทั้งร้อนกายและร้อนใจ อากาศจะร้อนก็ให้ใจเย็น อย่าร้อนรุ่มกลุ้มทุกข์อะไรจนหน้ามืดตามัว  โลภ โกรธ หลงไปหมด ยังไงก็ขอฝากให้ช่วยทำให้โลกใบนี้พ้นร้อน พ้นมืด จะได้อยู่เย็นเป็นสุขกัน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login