วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

คฤหาสน์ผีหลง / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On March 5, 2018

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

คฤหาสน์ถูกต่อเติมตลอดระยะเวลา 36 ปีโดยไม่มีวันหยุด จุดประสงค์เพื่อสร้างทางวงกตสกัดกั้นวิญญาณชั่วร้ายที่แอบแฝงเข้ามาในบ้าน ทำให้วิญญาณเหล่านั้นหลงทางไม่สามารถพบตัวเจ้าของบ้านได้

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในเดือนกันยายน 1839 ทารกเพศหญิงชื่อซาราห์ พาร์ดี ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองนิวเฮฟเวน รัฐคอนเนตทิคัต เมื่อเติบโตเป็นสาวเต็มวัยเธอสามารถพูดได้หลากหลายภาษา มีความสามารถทางดนตรี และมีใบหน้าที่สวยสดงดงาม ซาราห์จึงเป็นที่หมายปองของบรรดาชายหนุ่ม

วิลเลี่ยม วินเชสเตอร์ เป็นบุตรชายเจ้าของโรงงานตัดเสื้อในเมืองเดียวกัน ในปี 1857 วิลเลี่ยมเข้ามาดูแลกิจการแทนบิดาและได้เบนเข็มมาผลิตอาวุธปืนไรเฟิลโดยใช้เทคนิคการใช้สลักกลไกบรรจุลูกกระสุนปืน ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากกว่าปืนไรเฟิลที่ใช้กันในสมัยนั้น

ปี 1860 วิลเลี่ยมก้าวไปอีกขั้นด้วยการติดตั้งแมกาซีนบรรจุลูกกระสุน เรียกว่ารุ่น “เฮนรี ไรเฟิล” ทำให้ผู้ใช้ยิงปืนได้อย่างต่อเนื่อง ว่ากันว่าสามารถยิงได้ถึง 3 วินาทีต่อครั้ง ปืนรุ่นนี้จึงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาสงครามกลางเมือง

ต้องคำสาป

กองทัพฝ่ายเหนือสั่งซื้อปืนไรเฟิลจำนวนมากจากวิลเลี่ยม เขาทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ต่อมาในปี 1862 วิลเลี่ยมก็แต่งงานกับซาราห์ 3 ปีต่อมาเธอให้กำเนิด “แอนนี่” ทารกเพศหญิงเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 1865 แต่ทารกน้อยลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วันก็ต้องเสียชีวิตด้วยโรคมาราสมัส หรือโรคที่เกี่ยวกับการขาดสารอาหาร

ซาราห์เสียใจจนไม่อยู่กับร่องกับรอย กว่าจะกลับมาเป็นปรกติได้ก็ใช้เวลาเยียวยาใจเกือบ 10 ปี ชีวิตของเธอกลับคืนสู่ภาวะปรกติได้เพียงไม่นานสามีของเธอก็เสียชีวิตด้วยวัณโรคเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 1881 เธอได้รับมรดกจำนวน 20 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 510 ล้านดอลลาร์ในค่าเงินปัจจุบัน บวกกับหุ้น 48.9% ในบริษัทวินเชสเตอร์ ทำให้มีรายได้ราวๆ 1,000 ดอลลาร์ต่อวัน หรือประมาณ 25,000 ดอลลาร์ในค่าเงินปัจจุบัน

ทรัพย์สินที่ได้รับไม่สามารถเยียวยาแผลใจที่ต้องสูญเสียคนรัก การพลัดพรากจากไปก่อนเวลาอันควรทำให้เธอโศกเศร้าอย่างหาที่สุดไม่ได้ ซาราห์หันหน้าหาที่พึ่งทางใจ เดินทางไปปรึกษาคนทรงเพื่อค้นหาคำตอบ

คนทรงแนะนำว่า เธอถูกวิญญาณหลายพันดวงของผู้เสียชีวิตจากปืนที่สามีเธอสร้างขึ้นมา และอีกไม่ช้าวิญญาณเหล่านั้นจะมาตามล่าเอาชีวิตเธออีกคน การแก้ไขทำได้ด้วยการย้ายบ้านหนี ไปหาที่อยู่ใหม่ทางทิศตะวันตก และต้องสร้างบ้านอย่างต่อเนื่องห้ามหยุดโดยเด็ดขาด หากหยุดสร้างเมื่อไรวิญญาณชั่วร้ายจะหาเธอพบและนั่นคือจุดจบของเธอ

สร้างไปอย่าหยุด

ซาราห์ขายบ้านที่เมืองนิวเฮฟเวน ออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกตามคำแนะนำของคนทรงจนกระทั่งมาถึงหุบเขาซานตาคลารา เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 1884 เธอเกิดถูกใจบ้านไร่แห่งหนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ซาราห์เกลี้ยกล่อมนายแพทย์คอล์ดเวล เจ้าของไร่เพื่อซื้อบ้านและที่ดิน 405 ไร่

แปลนบ้านเดิมเป็นแค่บ้านไร่ทั่วๆไป มีขนาด 6 ห้อง แต่หลังจากที่ซาราห์เป็นเจ้าของ เธอว่าจ้างช่างไม้ 22 คนมาเข้าเวรทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จากแปลนเดิมมีแค่ 6 ห้องก็กลายเป็น 26 ห้อง พองานใกล้จะเสร็จซาราห์ก็จะคุยกับหัวหน้าคนงานให้ต่อเติมโน่นต่อเติมนี่ไปเรื่อยๆ หากวันไหนนึกอะไรไม่ออกเธอก็จะให้สร้างห้องใหม่ขึ้นในห้องที่มีอยู่เดิม คือทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้หยุดสร้าง

บ้านถูกต่อเติมอย่างไม่มีวันหยุด กลายเป็นคฤหาสน์สูง 7 ชั้น มีบันไดที่ขึ้นไปชนเพดาน เตาผิง 47 เตา กับปล่องไฟที่ตันเพราะปลายชนเพดาน ประตูที่เปิดไปเจอกำแพง ห้องน้ำจำนวนมาก และการก่อสร้างอื่นๆอีกมากมายที่บ้านคนทั่วๆไปไม่มี

เป็นที่น่าสังเกตว่าซาราห์จงใจสั่งให้สร้างสิ่งต่างๆเกี่ยวพันกับเลข 13 เช่น บันได 13 ขั้น หน้าต่าง 13 บาน กระจก 13 แผ่น ฯลฯ สำหรับคนทั่วไปแล้วมันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับซาราห์มันคือการยื้อชีวิตไม่ให้วิญญาณร้ายมาทำอันตรายเธอได้

สัญญาณบอกเหตุ

ปี 1906 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมืองซานฟรานซิสโก ส่งผลให้ 3 ชั้นบนของคฤหาสน์วินเชสเตอร์พังครืนลงมา ขณะเกิดเหตุซาราห์นอนหลับอยู่ในห้องนอน “เดซี่” เธอติดอยู่ภายในห้องแต่คนรับใช้สามารถช่วยเหลือเธอออกมาได้อย่างปลอดภัย

ซาราห์เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นคำเตือนว่าเวลาของเธอใกล้จะหมดแล้ว เธอจึงสั่งให้ต่อเติมห้องอีก 30 ห้อง เพื่อไม่ให้การก่อสร้างหยุดชะงักลง ตู้ที่มีความลึกแค่ 2 นิ้วไม่สามารถใช้เก็บสิ่งของได้จริง หน้าต่างที่เปิดออกไปเจอห้องอีกห้องหนึ่ง หรืออะไรก็ได้ต่อเติมไปเรื่อยๆ ห้ามหยุดการก่อสร้างโดยเด็ดขาด

พื้นที่ส่วนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้รับการซ่อมแซม นั่นอาจเป็นเพราะซาราห์จงใจปล่อยมันไว้อย่างนั้นเพื่อให้คฤหาสน์ดูเหมือนยังสร้างไม่เสร็จ แต่การต่อเติมในส่วนอื่นยังคงดำเนินต่อไป ความซับซ้อนของห้องหับภายในคฤหาสน์ทำให้คนงานถึงกับต้องมีแผนที่ ไม่เช่นนั้นอาจจะหลงทางได้ง่ายๆ

ซาราห์เสียชีวิตในวัย 82 ปี เมื่อวันที่ 5 กันยายน 1922 คฤหาสน์วินเชสเตอร์เวลานั้นมี 160 ห้อง 40 ห้องนอน หน้าต่าง 10,000 บาน ประตู 2,000 บาน เชื่อกันว่าซาราห์เก็บเครื่องเพชรและทองคำไว้ในตู้เซฟ แต่หลังจากเปิดเซฟกลับพบแต่ข่าวตัดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุตรสาวและสามี ชุดชั้นใน ถุงเท้า สายเบ็ดตกปลา และสิ่งของไม่มีค่าอื่นๆ

คฤหาสน์วินเชสเตอร์ตกเป็นของหลานสาว มาเรียน มาร์ริออท ซึ่งเธอบอกขายคฤหาสน์และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆโดยทันที ว่ากันว่าต้องใช้รถบรรทุกขนวันละ 8 เที่ยว เป็นเวลา 6 สัปดาห์ครึ่ง ถึงจะขนเอาเฟอร์นิเจอร์ออกจากบ้านได้ทั้งหมด ส่วนตัวคฤหาสน์ถูกประมูลไปในราคา 135,000 ดอลลาร์

หลังจากซาราห์เสียชีวิตได้เพียง 5 เดือน เจ้าของใหม่ก็เปิดคฤหาสน์วินเชสเตอร์ให้สาธารณชนได้เข้าเยี่ยมชม แต่การตกแต่งภายในอาจไม่เหมือนเดิมเพราะไม่มีภาพถ่ายภายในคฤหาสน์ให้เปรียบเทียบ ปัจจุบันคฤหาสน์วินเชสเตอร์ได้รับการจดทะเบียนเป็นสถานที่สำคัญ และเรื่องราวต่างๆถูกนำมาใช้เป็นพล็อตเรื่องในภาพยนตร์ Winchester ที่เข้าฉายทั่วโลกเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


You must be logged in to post a comment Login