วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

นิราศศรีลังกา 2561 / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On March 1, 2018

คอลัมน์ : โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

ศรีลังกาเป็นประเทศเล็กๆ แต่ครั้งหนึ่งเคยเจริญกว่าไทยเสียอีก มีสิ่งก่อสร้างนับพันปีให้ชมอย่างเต็มตา แม้ตอนนี้จะด้อยกว่าไทยแต่ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจในการลงทุนอยู่ไม่น้อย

ระหว่างวันที่ 18-22 กุมภาพันธ์ ผมในฐานะประธานกรรมการบริหารศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้มีโอกาสท่องเที่ยวและประสานงานด้านธุรกิจที่ศรีลังกา ได้พบเห็นสิ่งที่น่าสนใจเพื่อประกอบการศึกษาเรียนรู้และการลงทุน

ศรีลังกามีขนาดเล็กเพียง 13% ของประเทศไทยเท่านั้น ประชากรก็มีเพียง 22.4 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรไทย อย่างไรก็ตาม ประชากรศรีลังกามีอัตราการเพิ่มสูงกว่าไทย ดังนั้น ในด้านความหนาแน่นของประชากร ไทยจึงมีความหนาแน่นน้อยกว่าคือ 133 คนต่อตารางกิโลเมตร ขณะที่ศรีลังกามีประชากรถึง 342 คนต่อตารางกิโลเมตร

ด้านเศรษฐกิจปรากฏว่าขนาดเศรษฐกิจของศรีลังกาเป็นเพียง 1 ใน 5 (19%) ของไทยเท่านั้น แต่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าไทย โดยปี 2550 ขนาดเศรษฐกิจศรีลังกาเป็นเพียง 14% ของไทยเท่านั้น ทำให้รายได้ประชาชาติต่อหัวของศรีลังกาเป็นเพียง 58% ของไทย แต่ก็เติบโตกว่าในช่วงปี 2550 ที่รายได้ต่อหัวเป็นเพียง 43% ของไทยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ศรีลังกามีอัตราการว่างงานมากกว่าไทย

สำหรับนักท่องเที่ยวในศรีลังกาเพิ่มขึ้นจาก 566,000 คน เป็น 2.116 ล้านคนในระหว่างปี 2550-2560 แต่ยังน้อยมากคือเพียง 6% ของนักท่องเที่ยวที่เข้าสู่ประเทศไทย แม้อัตราเพิ่มของนักท่องเที่ยวเข้าศรีลังกาจะมีมากกว่าไทยก็ตาม

ในหนังสือคู่มือคนไทยในศรีลังการะบุถึงการเยือนระดับราชวงศ์ของไทย ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จฯเยือนศรีลังกาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2482 โดยมีภาพประกอบที่วัดทีปทุตตมาราม กรุงโคลัมโบ

ปี 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

เสด็จฯเยือนศรีลังกา โดยมีสำเนาภาพถ่ายในวัดเดียวกัน ผ่านมาจนถึงปี 2532 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จเยือน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯเยือนเมื่อวันที่ 19-24 มกราคม 2536 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเยือนเมื่อวันที่ 23-29 สิงหาคม 2542 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเยือนเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2548

นอกจากกรุงโคลัมโบที่เราเข้าใจว่าเป็นเมืองหลวงใหม่แล้ว ยังมีเมืองชื่อศรีชยวรรธนปุระโกฏเฏ หรือรู้จักกันในชื่อศรีชยวรรธนปุระ หรือโกฏเฏ เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของศรีลังกา ตั้งอยู่ทางชานเมืองด้านตะวันออกของนครโคลัมโบ บางครั้งเรียกว่า “เขตเมืองหลวงใหม่” อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่นี่ เมืองนี้อยู่ห่างจากกรุงโคลัมโบประมาณ 7.2 กิโลเมตร มีพื้นที่ 17 ตารางกิโลเมตร มีมหาวิทยาลัยชื่อ President’s College, Sri Jayawardenapura Kotte

การสร้างเมืองใหม่แบบนี้ไม่น่าจะประสบความสำเร็จ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของภาคมหานครกรุงโคลัมโบ ไม่ได้มีความเป็นเอกเทศ ทำให้เมืองขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่องมากกว่าที่จะเป็นเมืองที่มีความเป็นตัวของตัวเอง อันที่จริงการสร้างเมืองใหม่มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก เช่น กรุงแคนเบอร์รา กรุงเนปิดอว์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองปุตราจายา ก็เป็นเมืองหลวงทางด้านการบริหาร ส่วนเมืองหลวงทางเศรษฐกิจยังอยู่ที่เดิม ดูแล้วการสร้างเมืองหลวงก็เพื่อประโยชน์ของข้าราชการที่จะปฏิบัติงานได้สบายมากขึ้น โดยใช้เงินภาษีอากรของประชาชนอย่างมหาศาลมากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

การเป็นคนลักเพศในศรีลังกาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและห้ามแสดงออก แต่ยังไม่มีโทษขนาดต้องติดคุกเช่นในอิหร่าน ยูกันดา หรือในอีกหลายประเทศ ยิ่งถ้าให้แต่งงานกันเองได้ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ สำหรับพระสงฆ์ที่นี่ไม่มีการบวช ใส่เครื่องแบบพระให้บุพการีเกาะชายผ้าเหลืองแบบไทย คนที่จะบวชมักเป็นผู้ที่คิดจะบวชตลอดชีวิต โดยต้องอยู่วัด 3 เดือนล่วงหน้า เมื่อเป็นพระแล้วไม่มีการสาดน้ำมนต์หรือไม่มีการตั้งศาลพระภูมิในบ้าน พระที่นี่จับเงินได้ จับหัวผู้หญิงเพื่อให้พรได้ ถ่ายรูปยืนชิดติดกับผู้หญิงได้

เรื่องพุทธศาสนาที่ศรีลังกาค่อนข้างแรง เพราะต้องต่อกรกับศาสนาฮินดู คริสต์ และอิสลามมาแต่เดิมในประวัติศาสตร์ ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีคนแอบมาบวชในศาสนาพุทธแล้วไปตั้งศาสนาใหม่บ้าง หรือแสร้งมาบวชเพื่อบ่อนทำลายศาสนาพุทธให้ล่มสลายลงในที่สุดเช่นกัน ดังนั้น เราจึงมักเห็นภาพเขียนการต่อสู้เพื่อรักษาศาสนาอยู่ในประวัติพุทธในศรีลังกา แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีในประเทศไทย

ทุกวันนี้มหาอำนาจเช่นจีนและอินเดียต่างแผ่เข้ามาในศรีลังกา จีนไหลบ่าเข้ามาอย่างรุนแรง นักลงทุนจีนได้สร้างท่าเรือขนาดใหญ่และกิจการอื่นๆเป็นอันมาก ท่าทีของนักลงทุนจีนก็ไม่ต่างจากญี่ปุ่น ซึ่งในยุคหนึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” ศรีลังกาจึงพยายามถอยห่างจากจีน โดยหวังพึ่งอินเดียและสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังหวังพึ่งอะไรไม่ได้มากนัก

จากคำบอกเล่าของ ดร.ดาริน อดีตรองผู้ว่าการธนาคารชาติศรีลังกา ในศรีลังกามีคนงานต่างชาติราว 300,000 คน เป็นชาวอินเดีย 200,000 คน และเป็นคนจีน 80,000 คน โดยเป็นคนงานระดับล่าง ซึ่งเป็นการแย่งงานคนท้องถิ่น ทำให้คนท้องถิ่นต้องตกงาน สร้างความไม่พอใจกับคนท้องถิ่นไม่น้อย นโยบายให้นำเข้าแรงงานต่างชาติแบบนี้ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อชาติเลย

นี่แหละครับประเทศศรีลังกาที่ผมได้เห็นมา


You must be logged in to post a comment Login