วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

กุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺ / โดย บรรจง บินกาซัน

On November 13, 2017

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

ในช่วงเวลาที่ 2 มหาอำนาจใหญ่ของโลกคืออาณาจักรโรมันไบแซนตินและอาณาจักรเปอร์เซียแย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือคาบสมุทรอาหรับก่อนสมัยอิสลามนั้น คาบสมุทรอาหรับไม่มีรัฐบาลกลางเหมือนมหาอาณาจักรทั้งสอง แต่ชาวอาหรับปกครองโดยเผ่าใหญ่ๆที่ประกอบด้วยหลายตระกูล มีหัวหน้าเผ่าที่รวมตัวกันเป็นสภาผู้ปกครอง แต่ละเผ่าจะได้รับมอบหมายหน้าที่ต่างๆที่จำเป็นในเวลานั้น เช่น หน้าที่การดูแลต้อนรับผู้มาทำฮัจญ์เป็นของเผ่ากุเรช โดยตระกูลบนีชัยบ๊ะฮฺเป็นผู้ดูแลก๊ะอฺบ๊ะฮฺและรักษากุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺ เป็นต้น

ก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นอาคารที่อับราฮัมบรรพบุรุษของชาวอาหรับและลูกหลานอิสราเอลสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว และเป็นจุดศูนย์กลางในการทำฮัจญ์ของผู้ศรัทธาในพระเจ้ามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์

แต่หลังจากอับราฮัมและอิสมาอีลลูกชายคนแรกของท่านจากไปได้ไม่นาน ชาวอาหรับก็หลงลืมคำสอนของอับราฮัมจนถึงกับนำเอาเจว็ดบูชาสารพัดรูปร่างมาตั้งไว้ทั้งภายในและรอบก๊อฺบ๊ะฮฺถึง 360 องค์ ชาอาหรับเคารพสักการะวัตถุบูชาเหล่านี้เหมือนกับพระเจ้า

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามโดยเชิญชวนให้ชาวอาหรับเลิกเคารพสักการะวัตถุบูชาเหล่านั้นและหันมาสู่การเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว ชาวอาหรับโดยเฉพาะชนชั้นผู้ปกครองได้ต่อต้านและหาทางกำจัดท่าน แต่เนื่องจากท่านเกิดในตระกูลใหญ่ที่มีลุงเป็นหัวหน้าตระกูล และเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาผู้ปกครอง ท่านจึงได้รับการคุ้มครอง

แต่เมื่อลุงของท่านเสียชีวิตและนบีมุฮัมมัดไม่มีผู้คุ้มครอง หัวหน้าเผ่าชาวอาหรับจึงวางแผนลอบสังหารท่าน ดังนั้น ท่านจึงต้องอพยพออกจากเมืองมักก๊ะฮฺไปอยู่ที่เมืองมะดีนะฮฺ เพียงเวลา 8 ปี มีผู้คนหันมารับนับถืออิสลามมากขึ้น และนบีมุฮัมมัดสามารถรวบรวมกำลังคนได้จำนวนหมื่นคน ท่านจึงนำผู้คนเหล่านั้นกลับมายึดมักก๊ะฮฺได้อย่างสันติ

เมื่อยึดมักก๊ะฮฺได้ สิ่งที่ท่านทำคือ ท่านได้ตรงไปที่ก๊ะอฺบ๊ะฮฺและสั่งให้ทำลายเจว็ดบูชาทั้งหลายที่อยู่รายรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ ในตอนนั้นท่านนบีมุฮัมมัดต้องการเข้าไปข้างในก๊ะอฺบ๊ะฮฺ แต่ประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺปิดอยู่ ท่านรู้ว่าผู้เก็บรักษากุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺคือ อุษมาน บินฏ็อลฮะฮฺ ท่านจึงสั่งให้คนไปตามตัวเขามา

ท่านผู้อ่านกรุณาเข้าใจด้วยว่าหน้าที่ในการรักษากุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺนั้นเป็นหน้าที่อันมีเกียรติสูงส่ง และบรรดาหัวหน้าเผ่าชาวอาหรับได้ทำสัญญามอบหน้าที่นี้ให้แก่ตระกูลบนีชัยบ๊ะฮฺ ในตอนที่นบีมุฮัมมัดอยู่ในมักก๊ะฮฺก่อนการอพยพ อุษมานไม่ยอมให้นบีมุฮัมมัดเข้าไปละหมาดในก๊ะอฺบ๊ะฮฺ เพราะเขาไม่ศรัทธาในนบีมุฮัมมัด

แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดยึดมักก๊ะฮฺได้ อุษมานไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงรับอิสลามและต้องมอบกุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺให้แก่นบีมุฮัมมัด ซึ่งทำให้อุษมานรู้สึกว่าตัวเองต้องเสียเกียรติและศักดิ์ศรีถ้านบีมุฮัมมัดเอากุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺไปให้ผู้อื่นเก็บรักษา เขาจึงขอร้องนบีมุฮัมมัดให้คืนเกียรติยศของการเก็บรักษากุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺแก่เขา ในเวลานั้นมุสลิมจำนวนหลายพันต่างเฝ้ามองว่าใครจะเป็นผู้เก็บรักษากุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺคนใหม่

ระหว่างที่ทุกคนนิ่งเงียบรอการตัดสินใจอยู่นั้น นบีมุฮัมมัดได้ทำลายความเงียบลงด้วยการเปิดประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺและทำลายวัตถุบูชาทั้งหมดที่อยู่ในนั้น หลังจากนั้นท่านได้หันมามองอุษมานด้วยความเคารพและกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันแห่งความจงรักภักดีและความยำเกรงพระเจ้า เอากุญแจนี้คืนไป และจากวันนี้จนถึงวันสิ้นโลก ไม่มีใครจะเอามันไปจากตระกูลของท่านได้นอกจากคนผู้นั้นเป็นผู้ละเมิด”

จากวันนั้นถึงวันนี้กว่า 1,400 ปี หน้าที่ในการดูแลรักษากุญแจประตูก๊ะอฺบ๊ะฮฺยังคงถูกสืบทอดกันมาในตระกูลบนีชัยบ๊ะฮฺจนถึงปัจจุบัน แม้ลักษณะของกุญแจจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยก็ตาม ไม่มีใครกล้าเอากุญแจนั้นมาจากตระกูลบนีชัยบ๊ะฮฺเพราะเกรงว่าตัวเองจะตกเป็นผู้ละเมิดตามคำพูดของนบีมุฮัมมัด

แม้ในปัจจุบันคาบสมุทรอาหรับมีรัฐบาลกลางแล้ว แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียต้องการเข้าไปทำความสะอาดประจำปีเพื่อเตรียมการต้อนรับผู้มาทำฮัจญ์ พวกเขาก็ต้องไปขอรับกุญแจจากตระกูลบนีชัยบ๊ะฮฺ


You must be logged in to post a comment Login