วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

หมามุ่ย-กล้วยหอมทอง ‘ลุงตู่’ไม่เข้าใจ Niche Market / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On November 17, 2016

คอลัมน์ : โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

ที่ผ่านมามีอยู่ 2 กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งแก้ไขปัญหาที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงคือ กรณีส่งเสริมให้ปลูกหมามุ่ยและกล้วยหอมทองนี่ไม่ใช่การโจมตีนายกฯ แต่เป็นการชี้ให้ทีมงานนายกฯได้เข้าใจคำว่า Niche Market จะได้ไม่แนะนำให้นายกฯเสนอแนวคิดผิดๆ

มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2558 นายกฯประยุทธ์ “แนะคนไทย “อย่าโง่” ปลูกพืชกำไรน้อย หนุนปลูกพืชสมุนไพรสร้างรายได้ ชูแปรรูป “หมามุ่ย” ราคาพุ่งกิโลกรัมละ 8 หมื่น วันนี้รัฐบาลได้สนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพร ในเมื่อเราไม่สามารถปลูกข้าวได้ก็จะให้กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลว่าจะปลูกพืชสมุนไพรได้หรือไม่” (http://goo.gl/bhRnSL) กรณีนี้สะท้อนว่านายกฯยังไม่เข้าใจ Niche Market หรือการตลาดเฉพาะกลุ่ม

อีกกรณีคือเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2559 นายกฯประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์โดยแนะให้ชาวสวนยางพาราปลูกสตรอว์เบอร์รี่และกล้วยหอมในสวนยาง (http://bit.ly/1n71qIZ) คงเป็นเพราะท่านได้ไปดูงาน-ตรวจเยี่ยมบ้านนายวิสูตร คันทรักษา เกษตรกรชาวสวนยางพารา หมู่ที่ 4 ตำบลท่าเรือ อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามข่าวเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การปลูกสินค้าเฉพาะนี้อาจยังไม่เสถียร ท่านจึงยัง “แนะนำให้หาวิธีการแปรรูปหลายอย่างและขยายตลาดรองรับ (และ)…ยังแนะนำว่าหากมีปัญหาสามารถปรึกษาสหกรณ์จังหวัด” (http://bit.ly/1S7fmzg)

สินค้าที่เป็น Niche Market หรือสินค้าที่มีความแตกต่างออกไปจึงเป็นสินค้าที่ลูกค้าสนใจ เพราะเป็นการเริ่มต้นที่จำนวนน้อย ยังไม่มีคู่แข่งอื่นหรือมีคู่แข่งจำกัด เหมาะกับพื้นที่ดังกล่าว เช่น ในพื้นที่โดยรอบสถาบันอุดมศึกษาที่ตั้งขึ้นใหม่มักจะสร้างหอพักเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มเป้าหมายเฉพาะคือนักศึกษามหาวิทยาลัยนั่นเอง หรือพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้วัดที่มีผู้ไปทำบุญปฏิบัติธรรมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นจำนวนมากอาจมีการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรหรือห้องชุดที่รองรับผู้สนใจซื้อไว้เพื่อความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ยังอาจมีตัวอย่างของห้องชุดในพื้นที่ใกล้โรงเรียนมัธยมฯชื่อดังใจกลางเมือง ซึ่งสามารถจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวของเด็กนักเรียน เป็นต้น

อย่างกรณี “หมามุ่ย” แม้ว่าสถานการณ์ตลาดจะดี แต่ก็เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่ชาวนาไทยทั้งมวลหรือใครต่อใครจะหันมาปลูกหมามุ่ยแทนข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักได้ หรือแม้จะมีตลาดเฉพาะทางด้านอื่นๆนอกจากหมามุ่ยก็ยังถือเป็นข้อยกเว้น และข้อยกเว้นคงไม่ใช่สรณะ (Exception cannot be made rule/norm) เพราะมีจำนวนลูกค้าจำกัด สินค้าอุปโภคบริโภคกับสินค้าเฉพาะทางคงทดแทนกันไม่ได้

ยิ่งกว่านั้นท่านนายกฯอาจไม่ทราบว่า “หมามุ่ย” ดังกล่าวมีสรรพคุณใช้เพื่อ “ช่วยปลุกเซ็กซ์ มีเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น” ทั้งนี้ เป็นผลการวิจัยมา 3 ปีแล้วโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยของไทย (http://goo.gl/n2tXcm) นอกจากนั้นยังอาจใช้รักษาโรคพาร์กินสันได้ด้วย (http://goo.gl/yR7t8p) ท่านนายกฯอาจไม่ทราบสรรพคุณของสมุนไพรชนิดนี้ ซึ่งใช้กับคนเฉพาะกลุ่ม การที่คณะทำงานนำความมาแจ้งแก่นายกฯให้นำเสนอพืชสมุนไพรนี้ในฐานะสินค้าจึงอาจทำให้เสียภาพพจน์ของนายกรัฐมนตรีได้ด้วย

ส่วนกรณีกล้วยหอมทองนั้น ปรากฏว่าในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเดิมในอำเภอท่าชนะเคยมีสินค้าโอท็อปคือกล้วยหอมทอง โดยกลุ่มแม่บ้านกล้วยหอมทองเพื่อการส่งออก ตั้งอยู่เลขที่ 195/264 หมู่ที่ 6 ต.คลองพา อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 84170 ได้รวมกันเองในหมู่บ้าน ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 52 คน และได้เลือกคณะกรรมการบริหารกลุ่มโดยได้ดำเนินการมานับสิบปีแล้ว สมาชิกแต่ละคนนำผลผลิตมารวมที่กลุ่มเพื่อเตรียมส่งออกประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่อาชีพหลักคือการทำสวนยางพารา (http://bit.ly/22OlPD0) จะนำอาชีพเสริมมาทดแทนอาชีพหลักคงไม่ได้

ถ้าขืนไปส่งเสริมให้ใครต่อใครหันมาเลียนแบบกันทำตลาดแบบนี้ก็จะพากันลงเหว “พาคนไปตาย” อย่างแน่นอน เพราะความพิเศษ ความโดดเด่น ลักษณะเฉพาะ กลายเป็นลักษณะทั่วไป เพราะใครต่อใครหันมาทำแบบเดียวกันหมด ก็คงไม่มีความแตกต่าง และเต็มไปด้วยการแข่งขันและพากัน “เจ๊ง” กันไปหมดอย่างแน่นอน การแนะนำประชาชนไปในแนวทางเดียวกันแบบนี้จึงเป็นการสร้างความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง นี่แสดงถึงความไม่รู้จริงของทีมงานนายกฯ จึงแนะนำให้ท่านเสนอแนะไปอย่างไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

แต่ในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง เป็นเพียงการนำเสนอกรณีศึกษาที่ชี้ให้เห็นถึง Niche Market เท่านั้น


You must be logged in to post a comment Login