วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ประชาชนไม่กลัวอะไรแล้ว? / โดย กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

On November 14, 2016

คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข

นายฉลาดย้อนการเมืองหลังจากคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) รัฐประหารเมื่อปี 2534 จนมาถึงรัฐประหารปี 2549 และปี 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ไม่ใช่มาจากมูลเหตุทางการเมือง แต่มีการเตรียมการเพื่อยึดอำนาจ ทำให้ คสช. ต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด และกลายเป็นระบอบเผด็จการเต็มรูปแบบยิ่งกว่ายุคจอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จึงไม่ฟังเสียงใครทั้งสิ้น แล้วยังมีคำพูดและกิริยาที่ไม่เหมาะกับความเป็นผู้นำประเทศ เพราะมักใช้คำพูดเสียดสี ก้าวร้าว ข่มขู่กับพี่น้องคนไทย ทำให้เด็กและเยาวชนนำไปล้อเลียนในทางลับต่างๆ แม้แต่คณะตลกก็ตาม

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จึงควรรีบคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด การแก้ปัญหาต่างๆในประเทศก็ล้มเหลว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ราคาผลผลิตทางการเกษตรเกือบทุกชนิดตกต่ำ ที่สำคัญ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ไม่ใช่ดาวฤกษ์ แต่ที่มีชื่อเสียงได้เพราะก่อนหน้านั้น เพราะอาศัยบารมีรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

เมื่อบ้านเมืองกลับสู่ระบอบเผด็จการ รัฐบาล คสช. ก็ไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากนานาประเทศ การค้าการขายและความร่วมมือจากนานาชาติก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ปัญหาต่างๆจึงติดขัดไปหมด เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องถอยออกจากการเมืองและรีบคืนอำนาจให้ประชาชน แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะผ่านประชามติและจะประกาศออกมาบังคับใช้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ดีว่าเป็นการเขียนเอาใจผู้มีอำนาจที่เป็นผู้แต่งตั้ง คนพวกนี้เป็นพวกประจบสอพลอมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรจะถอยออกจากการเมืองได้แล้ว

ส่วนแผนโรดแม็พที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งปลายปี 2560 นั้น ถ้าเป็นชาติทหารก็ต้องยึดสัจจะวาจาตั้งแต่แรก คำว่าคืนอำนาจโดยเร็วคือการเลือกตั้งและอย่ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ยกตัวอย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นเวทีประชาธิปไตย ใครจะชนะก็เป็นเรื่องของประชาชนที่จะตัดสินใจ

กติกาของไทยเอื้อให้คุณสามารถเข้ามาอยู่ในอำนาจได้ แต่คงไม่ได้รับการยินยอมจากพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เพราะประชาชนเห็นผลงานช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้ว หากนับจนถึงปี 2560 รัฐบาล คสช. ก็อยู่ในอำนาจนานถึง 4 ปี มากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

“ผมขอย้ำว่าสภาพบ้านเมืองภายใต้รัฐบาล คสช. บ้านเมืองหยุดชะงัก ประเทศหยุดการพัฒนา ผมอยู่ในพื้นที่ เห็นชาวบ้านมีความรู้สึกห่อเหี่ยว มีแต่คนบอกว่าเมื่อไรจะไปสักที เมื่อไรจะมีการเลือกตั้ง ถึงเวลาเขารู้เอง ชาวบ้านเขาบอกอย่างนี้ เพราะชาวบ้านดูทีวี ดูข่าวมากกว่าเรา ถ้าข่าวไม่ดีเขาก็เปลี่ยนไปดูอย่างอื่น”

คนอีสานมองรัฐบาลอย่างไร

ผมคิดว่ามีไม่ถึง 10% ที่ให้การสนับสนุนรัฐบาล คสช. อาจเป็นพวกกลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มพ่อค้าที่ได้รับผลประโยชน์ ไม่ใช่เฉพาะคนอีสานที่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ควรจะไปได้แล้วเพื่อเปิดโอกาสให้คนใหม่เข้ามาบริหาร เพื่อให้เขามองเห็นแสงสว่าง หลังจากมืดมนมานาน ค้าขายไม่ได้ ข้าวยากหมากแพง ติดต่อใครก็ไม่ได้ ราชการก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่อยากทำอะไรนัก กลัวมาตรา 44 ไปหมด ทำให้ผู้นำท้องถิ่นไม่กล้าทำอะไร ชาวบ้านจะอาศัยพึ่งพาก็ไม่ได้

ผู้นำท้องถิ่นหมดวาระแล้วก็ให้รักษาการต่อ บางคนหยิ่งผยองอยู่แล้วก็ยิ่งหยิ่งผยองเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่ต้องเกรงใจประชาชน ข้าราชการฝ่ายปกครองก็กลัว ขณะนี้ทุกคนต่างประคับประคองเพื่อให้มีการเลือกตั้ง นี่คือความคิดของชาวบ้าน ไม่จำเป็นต้องเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ขอให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้เขาเลือกคนที่จะเข้ามารับผิดชอบชะตาชีวิตของเขาในอนาคต

คสช. จะทำตามสัญญาหรือไม่

ถ้าหากปลายปี 2560 ไม่มีการเลือกตั้งตามที่ประกาศจะเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่ ถึงเวลานั้นจะยิ่งทำให้บ้านเมืองเดินไม่ได้และอาจถึงทางตัน ใครจะคิดว่าจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นในสมัยจอมพลถนอม รัฐบาลทักษิณก็มีอุบัติเหตุทางการเมือง หาก พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งกดดันและนั่งทับอำนาจไว้ หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พูดเหน็บแนมและทำร้ายจิตใจประชาชนโดยไม่เกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไปฮาวาย เรื่องให้ไปขายปุ๋ยแทนข้าว หรือราคายางพาราตกต่ำให้ชาวสวนยางไปขายที่ดาวอังคารอะไรอย่างนี้ ชาวบ้านมีการนินทาในวงกว้างกับคำพูดของผู้นำประเทศ

แม้ประเทศที่ผู้นำมาจากการเลือกตั้งอย่างเกาหลีใต้ ใครจะคิดว่าประธานาธิบดีจะมีปัญหา ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน รัฐบาล คสช. ประกาศโรดแม็พให้มีการเลือกตั้งในปี 2560 ก็เพื่อลดแรงกดดัน ถ้าไม่ประกาศจะยิ่งกดดันมาก ผมคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเท่านั้นเอง ไม่มีประเทศใดในโลกและในภูมิภาคนี้ที่รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจอยู่นานขนาดนี้ ถึงปี 2560 ก็อยู่นานถึง 4 ปี

คนที่ไม่อยากให้รัฐบาล คสช. ลงก็เป็นพวกบริวารว่านเครือทั้งหลายนั่นแหละ พวกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พวกที่มาจากการแต่งตั้งทั้งหลายที่เชียร์กันไป แต่ชาวบ้านคาดหวังให้ถึงวันเลือกตั้งโดยเร็วจะได้เลือกผู้แทนของเขา ผมขอเตือนว่ารัฐบาล คสช. ควรทำตามสัญญาให้มีการเลือกตั้งในปี 2560 ตามแผนโรดแม็พ ถ้าไม่ทำตามสัญญาจะเกิดวิกฤตทางการเมืองแน่นอน ถึงวันนั้นประชาชนจะไม่กลัวอะไรแล้ว เพราะข้าวยากหมากแพง คนมันจน อนาคตไม่มีแล้ว

ราคาข้าวตกต่ำหนัก

ถ้าฝ่ายการเมืองและพี่น้องประชาชนไม่เคลื่อนไหว รัฐบาล คสช. ก็คงไม่ทำอะไร เชื่อว่านายสมคิดรู้วิธีการแก้ปัญหา แต่เขาไม่เอาด้วย เพราะกลัวจะตามรอยที่รัฐบาลเพื่อไทยทำไว้ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีการเตรียมการแล้วว่า ฤดูการผลิตไหนที่ออกก่อน อันไหนที่จะออกสู่ตลาด แต่รัฐบาลปัจจุบันไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงหรือยึดโยงกับประชาชนเลย โดยเฉพาะนายสมคิดให้ความสำคัญแต่เรื่องการส่งออกและภาคอุตสาหกรรม ทั้งๆที่คนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร

ที่สำคัญเศรษฐกิจที่ดีก็มาก่อนการรัฐประหาร ชาวบ้านขายผลผลิตได้ราคาสูง มีเงินสะสมไว้ใช้จ่าย เมื่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กินบุญเก่าหมดแล้ว ชาวบ้านไม่มีเงิน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทุนไม่มีไปซื้อของในตลาด โรงงานก็เจ๊ง ทยอยปิดกันเป็นแถว สินค้าบางชนิดต้องย้ายฐานการผลิตหนีไปอยู่ต่างประเทศ คนงานจำนวนมากตกงาน เพราะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำเกือบทั้งหมด ทั้งนานาชาติก็ไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ขณะนี้เราเห็นชัดเจนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลไม่ยอมรับ เขาหาทางออกโดยใช้มาตรา 44 และสร้างประเด็นต่างๆเพื่อกลบข่าวให้คนลืมเรื่องปากท้อง แต่ชาวบ้านที่อยู่ชนบทเขาไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาสนใจแต่เรื่องปากท้อง เรื่องทำมาหากิน ลูกไปโรงเรียนจะมีเงินไปเรียนหนังสืออย่างไร ตื่นเช้าจะมีอะไรกิน การแก้ปัญหาปากท้องประชาชนถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะแก้ไม่ถูกจุด

ส่วนที่รัฐบาลมีโครงการรับจำนำยุ้งฉาง ผมมองว่ายุ้งฉางมันมีน้อย คนไม่มีแล้วยุ้งฉาง เพราะตอนหลังเขาขายข้าวเป็นถุงปุ๋ย ยุ้งฉางมีในอดีต และการใช้ยุ้งฉางจะเกิดการคอร์รัปชันได้ โดยใช้ยุ้งฉางมาสวมรอยกันหลายๆคน การทำนายุคหลังจึงไม่มีที่เก็บ เพราะประสบความสำเร็จน้อย อย่างที่ร้อยเอ็ดประกาศซื้อข้าวหอมมะลิใหม่กิโลกรัมละ 7 บาท ซื้อได้ไงแค่ 7 บาท ผมคิดว่าใช้ระบบจำนำข้าวเหมือนสมัยรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ยังดีกว่า พี่น้องเกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ อย่างจำนำข้าวหอมมะลิตันละ 20,000 บาท ถ้ามีความชื้นก็จ่าย 16,000-18,000 บาท เงินไม่ได้หายไปไหน เข้าบัญชีของเกษตรกร ถึงมือชาวบ้าน

ถ้ารัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ได้บริหารประเทศต่อเนื่อง ผมคิดว่าข้าวที่มีอยู่ในโกดังที่รับจำนำมาจะต้องระบายได้หมดตามรอบของมัน ดังนั้น ถ้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำไม่ถูกจะยิ่งทำให้เรื่องนี้หนักขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ข้าราชการกลัว ยิ่งเห็นการดำเนินคดีกับอดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ก็กลัวรัฐบาลใหม่จะเล่นงานแบบนี้หรือเปล่า

ที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่ามีนักการเมืองร่วมมือกับโรงสีบางแห่งกดราคาข้าวนั้น ผมคิดว่าโรงสีเขาไม่เกี่ยวกับใครเลย การเมืองไม่สามารถสั่งเขาได้ ทำไปจะได้ประโยชน์อะไร นักการเมืองต่างก็ต้องการให้ราคาข้าวสูงขึ้นเพื่อจะได้คะแนนนิยม อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ไปอุบลราชธานี สุรินทร์ เขาไปเยี่ยมให้กำลังใจชาวนาในภาวะข้าวยากหมากแพง เหมือนไปเยี่ยมคนป่วยไม่หาย แก้อะไรไม่ได้ แต่ทำให้กำลังใจดีขึ้น ก็ช่วยปลอบใจกันไป แต่คนของรัฐบาลกลับกล่าวหาว่าไปสร้างภาพ ถ้าแน่ใจว่าประชาชนพอใจคุณก็อยากให้ตั้งพรรคการเมืองลงเลือกตั้งเลย เพื่อพิสูจน์ว่าประชาชนเห็นด้วยกับที่ผ่านมา

โอกาสที่ชาวนาจะเคลื่อนไหว

ผมคิดว่าชาวนาหรือกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำคงไม่กล้าออกมาเคลื่อนไหวอะไร ได้แต่นั่งบ่นกันในกลุ่มของตัวเอง ยอมรับว่าเกษตรกรไม่กล้าแสดงออก ต้องรอให้มีการเลือกตั้งเขาถึงจะแสดงออกได้อย่างเต็มที่ เขาคาดหวังอย่างสูงว่าปลายปี 2560 จะมีการเลือกตั้งตามที่รัฐบาลประกาศไว้ ช่วงนี้ชาวนาหรือเกษตรกรคงไม่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะไม่มีประโยชน์ ผลงานของรัฐบาล คสช. แก้ปัญหาเป็นอย่างไร ในสายตาของประชาชนรู้ดี ไม่ใช่เฉพาะเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำเท่านั้น

ทิศทางการเมืองไทยในอนาคต

การเมืองในอนาคตคงต้องฝากไว้กับประชาชนที่จะแสดงพลังชัดเจน เมื่อกติกาเขียนมาเพื่อให้บางคนเข้าสู่อำนาจโดยไม่สง่างาม ไม่ผ่านการเลือกตั้ง เพราะแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คนมาควบคุมคนที่มาจากการเลือกตั้ง แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนเพื่อล็อกนักการเมือง ล็อกคนที่มาจากการเลือกตั้งไว้ก็ตาม ก็ขอให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งให้แลนด์สไลด์ถล่มทลายไปเลย นักการเมืองเองก็ต้องยอมลดทิฐิการแข่งขัน ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าอีหรอบเดิมถ้าเขายืนยันที่จะยึดอำนาจต่อ

ยกเว้นแต่เขาพอแล้ว เขายอมลงจากอำนาจ กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน หรือไปทำงานอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เขาก็สามารถเดินบนท้องถนนได้ แต่ถ้าเขายังดื้อดึงอยู่ก็จะเหมือนรุ่นพี่หลายคน พอลงจากอำนาจแล้วไปไหนไม่ได้ ต้องนั่งอยู่บ้าน อยู่ที่ว่าผู้มีอำนาจจะเลือกแบบไหน

ส่วนข่าวที่ว่า คสช. ล็อบบี้พรรคการเมืองต่างๆยกเว้นพรรคเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว โดยจะโดดเดี่ยวพรรคเพื่อไทยให้เป็นฝ่ายค้าน ผมคิดว่ามีโอกาสจะเป็นเช่นนั้น ถ้าประชาชนไม่ช่วย อยากอยู่ในอำนาจเผด็จการก็โอเค เราต้องยอมรับกติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะนักการเมืองส่วนหนึ่งก็รอราชรถมาเกย นายทุนกลุ่มหนึ่งก็อยากมาทางลัด

ดังนั้น คนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันตก ต้องระดมกันไว้ถ้าอยากเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแท้จริง ต้องเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่ในอำนาจของเขาตามเดิม ส่วน พล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น เขาพร้อมหรือไม่ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 4 ปี และสุดท้ายบั้นปลายชีวิตอาจจะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่ไหนก็ไม่ได้


You must be logged in to post a comment Login