วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

เนสท์เล่ฯชูกลยุทธ์ “โฮลเกรน นัมเบอร์ วัน”

On October 6, 2016

นายจอห์น อาธานาตอส ผู้อำนวยการระดับสากลด้านโภชนาการ การกำกับดูแล และกิจการสัมพันธ์ อาหารเช้า เนสท์เล่ ซีเรียล (CPW สวิตเซอร์แลนด์) เปิดเผยว่า พันธกิจหลักของซีเรียล พาร์ทเนอร์ เวิลด์ไวด์ (CPW) คือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อส่งต่อการมีสุขภาพและภาวะโภชนาการที่ดีสู่ผู้คนทั่วโลก ซึ่งด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่ออาหารเช้าที่ดีในทุก ๆ วัน อย่างไม่หยุดนิ่ง ส่งผลให้เนสท์เล่ เบรกฟาสต์ ซีเรียล กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกในปัจจุบัน โดยในปี 2015 ที่ผ่านมา มียอดการบริโภคในแต่ละวันทั่วโลกมากกว่า 37 ล้านหน่วยบริโภค (Serving)

“อาหารเช้าซีเรียลได้รับความนิยม รวมไปถึงการดัดแปลงเมนูเพิ่มเติม จนกลายเป็นเมนูหลักบนโต๊ะอาหาร สะท้อนถึงพฤติกรรม การบริโภคอาหารเช้าของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ผลิตภัณฑ์ซีเรียลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น ในการเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสามารถเตรียมได้ง่าย วันนี้อาหารเช้าไม่ได้เป็นเพียงแค่มื้ออาหาร แต่ให้พลังงานสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ ซึ่งต้องการพลังงานสำหรับทำกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และนั่นเป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคให้ตรงใจมากยิ่งขึ้น” นายจอห์น กล่าวและเสริมว่า “เพื่อการส่งเสริมการมีสุขภาพที่แข็งแรงให้กับเด็ก ๆ ซึ่งจะเติบโตไปเป็นพลโลกที่มีคุณภาพในอนาคต เราจึงได้กำหนดเป้าหมายของการสร้าง “โฮลเกรน เจเนอเรชั่น” ด้วยการเริ่มต้นจากการสนับสนุนให้ผู้บริโภครับประทานซีเรียลโฮลเกรนใน 1 มื้อต่อวัน ภายใต้กลยุทธ์ “โฮลเกรน นัมเบอร์ วัน” เพื่อส่งต่อผลิตภัณฑ์อาหารเช้าซีเรียลโฮลเกรนที่มีธัญพืชเต็มเมล็ดเป็นส่วนผสมหลัก ให้แก่ครอบครัวยุคใหม่ในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก”

นายเดวิด คาร์เตอร์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย หน่วยธุรกิจอาหารเช้าซีเรียลภูมิภาคอินโดไชน่า บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ผลิตภัณฑ์ซีเรียลที่วางจำหน่ายในท้องตลาดจะมีส่วนผสมหลักที่แตกต่างกัน แต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีโฮลเกรน หรือธัญพืชเต็มเมล็ดเป็นส่วนผสมหลัก เนื่องจากโฮลเกรนเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีหลายข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการให้เลือกบริโภคอาหารที่ทำจากโฮลเกรนมากกว่าธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว”

แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับผลการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารเช้าซีเรียลโฮลเกรนของเด็กในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียจำนวนรวม 9,266 คน ซึ่งพบว่า เด็กมาเลเซียที่มีอายุ 6 – 12 ปี ร้อยละ 69 กินอาหารเช้าซีเรียล ขณะที่ร้อยละ 19 เลือกกินฮอตซีเรียล (ซีเรียลชงร้อน) ร้อยละ 9 กินบิสกิต ร้อยละ 2 กินขนมปัง และกินอาหารประเภทอื่นเพียงร้อยละ 1 ขณะที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มีอายุ 13 – 17 ปี ร้อยละ 57 กินอาหารเช้าซีเรียล ร้อยละ 25 กินฮอตซีเรียล (ซีเรียลชงร้อน) ร้อยละ 11 กินบิสกิต ร้อยละ 5 กินขนมปัง ร้อยละ 2 กินอาหารประเภทอื่น และมีเพียงร้อยละ 1 ที่กินข้าว ส่วนเด็กในสิงคโปร์เลือกทานขนมปังเป็นอาหารเช้าคิดเป็นร้อยละ 50 ก๋วยเตี๋ยวหรือพาสต้าร้อยละ 19 และอาหารเช้าซีเรียลร้อยละ 14

จากผลสำรวจความคิดเห็นของคุณแม่ชาวไทยซึ่งเป็นผู้หญิงทำงานในสัดส่วนร้อยละ 71 และเป็นผู้เตรียมอาหารเช้า พบว่า 3 เหตุผลหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกอาหารเช้าชนิดใดให้ลูก คือ สะดวกและใช้เวลาเตรียมน้อย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 สามารถนำไปกินระหว่างการเดินทางได้ร้อยละ 13 และมีคุณค่าทางโภชนาการร้อยละ 12 และด้วยพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ประกอบกับการให้ความสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวของผู้บริโภค ทำให้โฮลเกรนธัญพืชเต็มเมล็ดได้ถูกเลือกให้เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ อาหารเช้าซีเรียล ครอบคลุมแบรนด์หลักที่ครองมาร์เก็ตแชร์สูงในตลาดอาหารเช้าซีเรียลสำหรับเด็ก เช่น โกโก้ครั้นช์ คอร์นเฟลกส์ ฮันนี่สตาร์ส ไมโลซีเรียล ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต

“การขับเคลื่อน “โฮลเกรน นัมเบอร์ วัน” เพื่อให้เข้าถึงและเสริมสร้างกลุ่มเป้าหมายสู่ “โฮลเกรน เจเนอเรชั่น” ที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ ได้เน้นการจัดกิจกรรมการตลาดในหลากหลายช่องทาง ครอบคลุมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในร้านค้า การแจกตัวอย่างสินค้า กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ร่วมด้วยการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเช้าซีเรียลโฮลเกรน รวมถึงวิธีการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์โฮลเกรนคุณภาพชนิดต่างๆ ผ่านการทำเวิร์คช็อปอย่างต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคซีเรียลโฮลเกรน เป็นเมนูอาหารเช้าในที่สุด และด้วยกลยุทธ์นี้ก็ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันยอดขายให้มีอัตราการเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 2 หลักในสิ้นปี 2559 นี้” นายเดวิด กล่าวในที่สุด


You must be logged in to post a comment Login