วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

บุคคลอันตราย‘สมคิด จาตุศรีพิทักษ์’! / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On September 29, 2016

คอลัมน์ : โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แถลงนโยบาย แต่มีตัวเลขผิดๆมากมายหลายแห่ง เกรงว่าถ้าท่านมีฐานข้อมูล ฐานคิด ฐานกำลังคนที่ป้อนอะไรผิดๆให้ท่าน ท่านจะนำพาประเทศชาติไปสู่ความเสื่อมได้ จึงขออนุญาต “สอนหนังสือสังฆราช” สักหน่อย

ตามที่รัฐบาลได้แถลงผลงาน 2 ปีที่ผ่านมา ผมได้จัดทำบทวิพากษ์เพื่อช่วยนำเสนอข้อมูลที่เป็นจริงเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการวางแผนด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความกระจ่างจึงนำเสนอประเด็นหลักๆที่พึงพิจารณา เพราะท่านพูดผิดแบบจะจะ เช่น 1.ท่านว่าเศรษฐกิจไทยตกเพราะเศรษฐกิจโลก ในห้วงต่อมากลับบอกว่าไม่ใช่ แต่เป็นเพราะลมต้าน (Head Wind) 2.เศรษฐกิจโลกไม่ได้ตกต่ำตามเศรษฐกิจไทย บางปีโตกว่าไทยอีก 3.ตอนที่รัฐบาลนี้เข้ามาเศรษฐกิจอาจจะต่ำกว่า 1% เพราะความยุ่งเหยิงทางการเมือง แม้ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะได้รับการคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 3.5% (ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าจะต่ำกว่านี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าปี 2555 ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (ก่อนถึงช่วงความยุ่งเหยิงตั้งแต่ไตรมาส 4/2556) ที่เติบโตมากกว่า 7% เสียอีก

4.ท่านว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาตกเหลือ 1% ต่อปี ทั้งที่เขาเติบโตมากกว่านั้น การไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องทำให้การวางแผนของท่านอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และ 5.ท่านบอกว่ามหาวิทยาลัยในสหรัฐไม่ติดอันดับโลก ทั้งที่ติดอันดับโลกอยู่ 14 แห่ง จาก 20 แห่งสูงสุด บางแหล่งก็บอกว่าติดถึง 5 แห่งจาก 10 มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงสูงสุด และท่านพูดพันคอตัวเองที่บอกว่ามหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกาไม่ดี แต่เพิ่งกลับจากส่งลูกไปเรียนต่อที่สหรัฐ

นอกจากนี้ ดร.สมคิดยังพูดความจริงบางส่วนที่เคยกล่าวไว้ว่า “เราเป็นประเทศเดียวที่ถูกปรับให้เป็นบวก แต่ไม่ประมาท เพราะหลายปีที่ผ่านมาเราเคยต่ำถึง 0.8% แต่ปีนี้เขาปรับให้เราจาก 2.0% เป็น 2.5% และปีหน้าคาดว่าจะโต 2.6% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแต่ทรงกับทรุด” (http://bit.ly/2d0VmMW) และล่าสุดยังพูดในงานแถลงผลงานครบรอบ 2 ปี โดยย้ำว่าท่านพัฒนาเศรษฐกิจจาก 0.8% ในปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่มีรัฐประหาร จนดีขึ้นในขณะนี้ (http://bit.ly/2dnC1da)

กรณีนี้ถือเป็นการบิดเบือน ตีความเพี้ยนหรือไม่ ท่านบอกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในปี 2559 ได้รับการปรับเพิ่มโดยธนาคารโลกจาก 2% เป็น 2.5% ถือเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ (อาเซียน) ที่ได้รับการปรับเพิ่ม ที่ท่านพูดนี้เป็นความจริงด้านเดียว ด้านที่ไม่ได้พูดคือ ในอาเซียนนี้ประเทศไทยมีการเติบโตของ GDP ที่ต่ำที่สุด ยกเว้นบรูไนและสิงคโปร์ที่เป็นประเทศที่รวยที่สุดในอาเซียน

แทบทุกประเทศในอาเซียนเติบโตดีกว่าไทยทั้งสิ้น เพราะประเทศเหล่านี้ไม่มีรัฐประหารต่างหาก ดูได้ง่ายๆว่าหากวันนี้มีข่าวรัฐประหารในฟิลิปปินส์ที่เคยเกิดบ่อยที่สุดพอๆกับไทย หรือคณะทหารอินโดนีเซียยึดอำนาจจากประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งและชนะแบบไม่ขาด หรือคณะทหารเมียนมาร์ยึดอำนาจจากออง ซาน ซู จี เช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 27 ปีก่อน นักลงทุนต่างชาติที่แห่กันไปประเทศเหล่านี้คงหนีหายไปหมดแน่

ดร.สมคิดมองเพียงจุดเดียวที่ว่า ตอนที่รัฐบาลจากรัฐประหารมานั้นเศรษฐกิจตกต่ำเหลือ 0.8% ดังนั้น ที่ท่านทำได้ที่ 2.8% ในปี 2558 แสดงว่าเป็นผลงานของรัฐบาล ดร.สมคิดจงใจมองเฉพาะจุด โดยไม่กลับไปมองว่าเมื่อปี 2555 รัฐบาลยิ่งลักษณ์สามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตถึง 7.1% หลังจากที่บริหารประเทศเพียงปีเดียว และในปี 2554 ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์มา GDP ของไทยอยู่ที่ 0.8% เช่นเดียวกัน แต่ GDP ในปี 2556 และ 2557 ตกต่ำลงเพราะการก่อความไม่สงบเพื่อโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์จนประเทศชาติพังพินาศต่างหาก (http://bit.ly/2cElj5u)

ดร.สมคิดยังชอบอ้างว่าเศรษฐกิจโลกมีแต่ทรงกับทรุด อ้างว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดีเพราะเศรษฐกิจโลก ข้อนี้ก็ไม่เป็นความจริง การส่งออกที่ไม่ดี ความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ลดลง แม้แต่ราคายางที่ขายได้ก็ไม่เคยต่ำกว่าราคาที่มาเลเซียขายได้ (http://bit.ly/1PYDSBa)

ยิ่งประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย การตรวจสอบก็ไม่มี สิ่งที่ทางราชการดำเนินการต่างๆในส่วนราชการ ในสภาจากการแต่งตั้งสรรหาจะมีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไรก็ไม่อาจตรวจสอบได้

ดังนั้น ผมจึงตั้งเป็นข้อสังเกตว่า การที่ ดร.สมคิดเลือกเอาความจริงบางส่วนมาพูดนั้นแสดงเจตนาที่อาจไม่ตรงไปตรงมาหรือไม่ เป็นการอ้างอิงเพียงเพื่อโฆษณาตนเองหรือไม่ จะน่าเชื่อถือหรือไม่ จะสามารถนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้จริงหรือไม่ (ถ้าได้ผมก็ขออนุโมทนาสาธุด้วย) และจะเป็นที่ไว้วางใจได้ของหัวหน้ารัฐบาลที่นำรัฐนาวาหรือไม่

ผมจึงเป็นห่วง ดร.สมคิด ห่วงเศรษฐกิจชาติ และห่วงประชาชนขึ้นมาทันทีที่ท่านพูดแบบนี้ได้อย่างหน้าตาเฉย!


You must be logged in to post a comment Login