วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีโซเชียลแห่แชร์ภาพทหารเกณฑ์ถูกลูกสาวผู้การให้ช่วยล้างรถ ทำงานบ้าน จนมีการตั้งคำถามว่าการไปเกณฑ์ทหารนั้นความจริงแล้วทำหน้าที่อะไรกันแน่ ว่า เกิดเมื่อไรยังไม่รู้เลย เขากำลังสอบสวนกันอยู่ ให้เขาสอบสวนกันก่อน เพราะอาจจะเป็นเรื่องเก่านานแล้ว เมื่อถามว่าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จะพิจารณาไม่ให้มีการนำมาช่วยงานเช่นนี้อีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ความจริงเขาก็ดูแลอยู่แล้วเรื่องนี้ แต่ก็มีบางคน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นานแล้ว เก่าแล้วหรือไม่ จะให้ทำอย่างไรได้ เรื่องนี้เขาดูอยู่แล้ว ไม่ต้องหาแนวทางอะไร เมื่อถามว่าทหารชั่วคราวที่กระทรวงกลาโหมรับทำงาน 4 ปีในเรื่องความมั่นคง ถือว่าส่งผลดีต่อกำลังพลสำรองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ดี เรื่องของอาสาสมัคร

วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ซึ่งมีการหารือเรื่องญัตติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่ยังค้างอยู่ เป็นไปอย่างเคร่งเครียดว่า ตนไม่ควรเปิดเผย ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าประชุมอย่างเคร่งเครียดนั้น ส่วนตัวมองว่าสนุกออก ตนชอบ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็สนุก ท่านก็หัวเราะ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ถึงขั้นเปรยในที่ประชุม ครม. ว่าหากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มอีกจะปรับ ครม. หรือยุบสภา นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เคยได้ยินใครพูดประโยคนี้ เห็นคนออกมาให้ข่าว...

วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่บริเวณสถานีห้าแยกลาดพร้าว เขตจตุจักร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดทดลองให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จำนวน 4 สถานีว่า ขอร้องสื่อมวลชนให้เสนอเรื่องดีๆบ้าง เรื่องดีๆตั้งเยอะแยะ ความขัดแย้งก็ว่ากันไป เอาไว้ข้างๆบ้าง เรื่องบางเรื่องไม่สำคัญที่จะเอาเป็นเอาตายกับประเทศนัก ก็ว่ากันไป ไม่มีที่ไหนเขาทำอย่างประเทศไทยทุกวันนี้ ประเทศไทยต้องเดินหน้าไปข้างหน้า สิ่งที่เป็นอุปสรรค ความขัดแย้ง หรือความเห็นต่างอะไร ก็ขอไว้ข้างๆก่อน แล้วก็หารือกันต่อไป ที่ต้องเดินหน้าก็ต้องเดินกันไป ไม่ใช่มานั่งทะเลาะกันทุกเรื่อง แล้วปัญหาก็พันกันไปทั้งหมด แล้วทำไม่ได้สักอย่าง จะเอาใครมาทำงานตนก็ไม่รู้เหมือนกัน วันนี้รัฐบาลใหม่ก็เต็มที่แม้จะมาจากหลายพรรคการเมือง “ผมเป็นเพียงผู้นำในการบริหารงานเท่านั้นเอง ทั้งหมดต้องอาศัยสติปัญญาของทุกคนมาช่วยกันคิด ถ้าเราไม่คิดหรือร่วมมือกันแล้วใครจะช่วย เราจะไปเรียกร้องให้ใครมาช่วย หลายคนบอกว่าให้เอาต่างประเทศ...

วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. และคณะผู้บริหาร เข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์งานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) โดยได้มอบเสื้อโปโล สกรีนข้อความ “ZERO TOLERANCE คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต” ให้นายกฯ และนายกฯได้ชูกำปั้นสัญลักษณ์ต่อต้านคอร์รัปชันถ่ายภาพร่วมกับคณะ จากนั้นนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำคณะผู้บริหารและผู้นำคนพิการ คนพิการต้นแบบ นายดำเกิง มุ่งธัญญา หรือครูไอซ์ ครูผู้พิการทางสายตา...

วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงญัตติเสนอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 หากไม่ผ่านการเสนอญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยังทำไม่ได้ใช่หรือไม่ว่า ใช่ เมื่อถามย้ำว่าแต่อย่างไรก็ต้องตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่างไรก็ต้องตั้ง

วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนัดพบปะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารร่วมกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ ในวันที่ ‪3 ธันวาคมนี้ว่า ขอดูก่อน กำลังดูอยู่ เมื่อถามว่าหากนายกฯไม่ไปจะมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไปแทนหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรไปอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าพรรคร่วมต้องการให้นายกฯไปด้วย นายกฯกล่าวว่า “ถ้าผมไปก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรหรอกมั้ง ถ้าไปเยี่ยม ไปอะไรหน่อย ก็คงจะได้มั้ง” เมื่อถามอีกว่าตกลงจะไปใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ยังไม่รู้” ก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไปและกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ให้สื่อไปแทนฉัน”  

วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ต้องเร่งดำเนินการภายใน 1 ปีใช่หรือไม่ว่า เขาจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอยู่แล้ว ส่วนจะเสร็จหรือไม่เสร็จนั้นตนไม่ทราบ เพราะเมื่อเสร็จจาก กมธ. แล้วยังต้องรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบอีกครั้ง เมื่อเริ่มศึกษาถือว่าได้ดำเนินการตามกรอบ 1 ปีแล้ว ที่จริงการศึกษาเรื่องรัฐธรรมนูญควรทำก่อนหน้านี้สักพักหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากมีเรื่องต่างๆที่ด่วนกว่า เช่น เรื่องปากท้อง เลยยาวออกมา ส่วนเวลาที่เหมาะสมสำหรับลงมือแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ยังไม่รู้ว่าเขาจะแก้อะไรจึงไม่สามารถระบุได้ เพราะแต่ละคนพูดกันมาคนละเรื่องสองเรื่อง ให้รัฐบาลคิดอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่คนอื่นเสนอมา เรื่องนี้คงต้องไปคุยกันใน กมธ. ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้สภาอยู่ระหว่างการพิจารณาญัตติแต่งตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจตามมาตรา 44 อยู่ จะสามารถนำญัตติแต่งตั้ง...

วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงาน “Thailand Rubber Expo” โดยนายกฯกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นการพัฒนาของอุตสาหกรรมยางไทย โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่า แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมยางของไทยมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน โดยขณะนี้ตลาดของไทยต้องพึ่งพาการส่งออกจากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในทวีปยุโรปเศรษฐกิจมีการชะลอตัว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพยางไทยทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ต้นทางคือสร้างเสถียรภาพให้กับเกษตรกรในระยะยาวด้วยการจัดทำแผนทั้งระบบ ส่วนกลางทางคือการผลิตใช้ในประเทศ และปลายทางคือการส่งออกสร้างมูลค่า โดยการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางพาราเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ตนเดินทางไปต่างประเทศจะมีการเจรจาการค้าเพื่อขยายตลาดทั้งประเทศอินเดีย จีน และตุรกี และที่ตนต้องการให้ประสานงานต่อไปคือประเทศในแถบแอฟริกาที่กำลังมีการพัฒนาอย่างมากในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการทำถนน จึงขอให้ติดตามเรื่องเหล่านี้ด้วย เพื่อสร้างโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ยางของไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้เข้าสู่วาระญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากการใช้ประกาศ คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องจากเมื่อวานที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เสนอให้นับคะแนนใหม่ โดยอ้างว่ามีข้อผิดพลาดทางเทคนิค ประธานสภาจึงสั่งให้ตรวจสอบองค์ประชุมก่อนนับคะแนน นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แจ้งประธานในที่ประชุมว่า ฝ่ายค้านยืนยันว่าจะไม่ขอร่วมลงมติใหม่แม้ว่าจะสามารถทำได้ตามข้อบังคับการประชุม ขอสงวนสิทธิ์และไม่ขอตั้งคณะกรรมการเข้าไปร่วมนับคะแนนใหม่ด้วย จากนั้นนายชวนจึงสั่งดำเนินการตามขั้นตอนการประชุมท่ามกลางเสียงคัดค้านของ ส.ส.ฝ่ายค้านว่าควรนับจากคะแนนเดิมวานนี้ แต่ประธานสภายืนยันให้นับคะแนนใหม่ตามข้อบังคับ และเมื่อมีการนับจำนวนสมาชิก ปรากฏว่ามี ส.ส. แสดงตนอยู่ในห้องประชุมเพียง 240 คน ไม่ครบองค์ประชุม นายชวนจึงสั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 11.25 น.

วันนี้ (27 พ.ย.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่กำลังทรุดหนัก แต่ดูเหมือนว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น อีกทั้งเกรงว่าจะไม่เพียงพอที่จะฟื้นสภาวะเศรษฐกิจของไทยที่กำลังย่ำแย่ในปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยที่ทรุดหนักเป็นผลมาจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดมาตลอด 5 ปี และยังมีแนวโน้มที่จะทรุดหนักลงไปอีกจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะมาซ้ำเติม ตลอดเวลาที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้มีการรับมือเตรียมพร้อมให้ดี คิดเพียงการแจกเงิน แม้จะถูกท้วงติงว่าไม่เกิดประโยชน์ แต่รัฐบาลยังคงดื้อรั้น ซึ่งผลจากจีดีพีที่ตกต่ำแสดงชัดเจนถึงความล้มเหลวของการแจกเงินสะเปะสะปะโดยประเทศไม่ได้พัฒนา และเมื่อรัฐบาลแจกเงินจนหมดกระสุนแล้วก็ยังไม่มีแนวทางที่จะพัฒนาต่อ ขนาดประชุม ครม.เศรษฐกิจยังไม่มีนโยบายแก้ไขปัญหาใดๆออกมา แถมยังต้องไปถามข้าราชการประจำ ซึ่งแสดงว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หมดสภาพแล้ว การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดดังกล่าวจึงดูเหมือนจะเป็นแนวคิดของข้าราชการประจำ เป็นเสมือนยาแก้ปวดที่บรรเทาอาการชั่วคราว แต่ไม่สามารถรักษาอาการป่วยหนักของประเทศได้ ดังนั้น เมื่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลคิดอะไรไม่ออกแล้ว จึงอยากขอเสนอแนวทางการแก้ไขเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน 7 แนวทางดังนี้ 1.รัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ และเลิกโกหกประชาชน ยิ่งรัฐบาลปฏิเสธความจริงก็จะยิ่งแก้ปัญหาไม่ได้ การยอมรับปัญหาจะช่วยให้รัฐบาลหาทางแก้ไข และควรชี้แจงกับประชาชนเรื่อยๆว่าได้แก้ไขเรื่องอะไรบ้าง...

วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ได้กำชับในที่ประชุม ครม. และทุกกระทรวงไปแล้ว ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลและนโยบายต่างๆก็ไม่ได้มีปัญหา เพราะทุกคนอยู่ในรัฐบาล “ส่วนตัวของผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวล และไม่ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าจะล็อกเป้าไว้ที่ 3 ป. ก็ทำไปเถอะ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไร” ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันก่อนที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า วันนี้ฝ่ายค้านยังไม่ได้ยื่นญัตติ ยังไม่รู้รายละเอียดว่าจะอภิปรายใครบ้าง รอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติก่อน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นเศรษฐกิจนั้น ขณะนี้ทีมเศรษฐกิจมีเอกภาพ หากไม่มีเอกภาพจะอยู่กันได้อย่างไร และตลอด 3 เดือนของการทำงานที่ผ่านมา รัฐบาลมีความตั้งใจ...