- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 6 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 6 months ago
- โลกธรรมPosted 6 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 6 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 6 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 6 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 6 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 6 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 6 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 6 months ago
องคมนตรี ติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่จังหวัดสุโขทัยเป็นวันที่สอง

นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ และที่ปรึกษาฯ เดินทางไปติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่จังหวัดสุโขทัยเป็นวันที่ 2 โดยมี นายวัชระ หัศภาค ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงานกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) นายวัชระ เสือดี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านบำรุงรักษา) นายทวีวัฒน์ สืบสุขมั่นสกุล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 4 นายสัณฐิต พีรานนท์ ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายไชยวัฒน์ กำทอง ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา นายนครินทร์ วงศ์ฟูเฟื่องขจร ผู้อำนวยการส่วนแผนงาน นายทนงศักดิ์ อะโน ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม นายอาทร คงแท่น ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้าง นายชวนินทร์ สุภาษา ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสุโขทัย นายสัมพันธ์ พิรกุลวานิช ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาสุโขทัย นายวัชรดุลย์ ธนามี ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 4 ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย


ในการนี้ นายวัชรดุลย์ ธนามี ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 4 ได้บรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดสุโขทัย ซึ่งได้พระราชทานพระราชดำริแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่แก่แม่ทัพภาคที่ 3 และผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย สรุปความว่า “…ให้พิจารณาสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่เหนือจังหวัดสุโขทัย และบริเวณตำบลแม่มอก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง…” ต่อมา เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2537 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งผ่านพลเอกเทียนชัย จั่นมุกดา รองสมุหราชองครักษ์ ให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามลำน้ำสาขาของแม่น้ำยมบริเวณด้านเหนือของอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เนื่องจากการขาดแคลนน้ำใช้ในการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภคของราษฎร โดยโครงการฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2564 มีลักษณะโครงการเป็นเขื่อนดิน ประเภท zone type ความกว้าง 8.00 เมตร ยาว 250.00 เมตร สูง 27.50 เมตร ความจุที่ระดับเก็บกัก 7,330,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ชลประทาน ในฤดูฝน จำนวน 4,500 ไร่ ในฤดูแล้ง จำนวน 2,000 ไร่ ครอบคลุม 4 ตำบล 19 หมู่บ้าน


ต่อมาช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะเดินทางไปยัง โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยทรวงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยมีนายชวนินทร์ สุภาษา ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสุโขทัย บรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงาน เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดสุโขทัย ซึ่งได้พระราชทานพระราชดำริแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่แก่แม่ทัพภาคที่ 3 และผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย สรุปความว่า “…ให้พิจารณาสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่เหนือจังหวัดสุโขทัย และบริเวณตำบลแม่มอก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง…” ต่อมา เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2537 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งผ่านพลเอกเทียนชัย จั่นมุกดา รองสมุหราชองครักษ์ ให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามลำน้ำสาขาของแม่น้ำยมบริเวณด้านเหนือของอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เนื่องจากการขาดแคลนน้ำใช้ในการเพาะปลูกและอุปโภคบริโภคของราษฎร โดยโครงการฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2553 มีลักษณะโครงการเป็นเขื่อนดิน ประเภท homogeneous ความกว้าง 9.00 เมตร ยาว 319.30 เมตร สูง 23.50 เมตร ความจุที่ระดับเก็บกัก 8,000,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ชลประทาน จำนวน 24,500 ไร่ ครอบคลุม 4 ตำบล 19 หมู่บ้าน


ปัจจุบันกรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม ร่วมกับกลุ่มใช้น้ำชลประทาน (กลุ่มบริหาร) จำนวน 3 กลุ่ม และกลุ่มใช้น้ำชลประทาน (กลุ่มพื้นฐาน) จำนวน 15 กลุ่ม
You must be logged in to post a comment Login