- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 3 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 3 months ago
- โลกธรรมPosted 3 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 3 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 3 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 4 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 4 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 4 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 4 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 4 months ago
ผู้นำคิดแบบนี้ วงการอสังหาฯ จึงแย่

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 พ.ค. 68)
ความเห็นของผู้นำวงการอสังหาริมทรัพย์ก็สะท้อนอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) จึงขอชวนมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อสังคมอุดมปัญญา
ดร.โสภณ ได้ดูคำสัมภาษณ์ของผู้นำวงการอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งแล้ว มีความเห็นที่แตกต่างเป็นอย่างมาก เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังในแง่ตรงกันข้าม เช่น
1. ที่ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างย่ำแย่ในปี 2568 อาจจะไม่จริงเพราะการพัฒนาโครงการอาคารชุดราคาถูกจำนวนมาก ราคาประมาณ 1.5-2.0 ล้านบาท ที่กำลังจะได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
2. สำหรับโครงการที่ราคาปานกลางค่อนข้างถูก เช่น 2-4 ล้านบาทอาจจะขายยาก ในขณะนี้ก็ไม่ควรจะสร้างเพิ่มเติม เพราะยังมีอุปทานรอขายอยู่ประมาณ 4 แสนหน่วยทั่วประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาขายอีกประมาณ 3 ปีจึงจะหมด แต่ผู้นำวงการพัฒนาที่ดินอยากจะสร้างเพื่อขายอยู่ตลอดเวลา
3. ปริมาณบ้านมือสองที่รอขายอยู่ในขณะนี้มีประมาณ 1 ล้านหน่วย มากกกว่ามือหนึ่งแล้ว การสร้างใหม่ขึ้นมากมายอาจจะยิ่งทำให้เกิดภาวะล้นตลาดมากขึ้น
4. การที่ในจังหวัดภูเก็ตมีการคิดค่านายหน้า 15-20%เพราะไม่มีการควบคุมทางวิชาชีพนายหน้า รัฐบาลควรมาดูแลวิชาชีพนี้ให้ดีอย่าปล่อยให้มีการเอาเปรียบกัน แต่พวกผู้นำวงการอาสาลักทรัพย์ก็ได้แต่ตั้งข้อสังเกตเท่านั้น
5. มาตรการช่วยเหลือที่เน้นแต่จะให้ลดภาษีเพียงเพื่อช่วยผู้ประกอบการ แต่ควรมีเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้มีรายได้สูง และควรเลิกมาตรการผ่อนปรนสำหรับปลูกต้นไม้เพื่อเกษตรกรรม
6. ควรมีมาตรการปราบจีนเทาอย่างจริงจังรวมทั้งการจัดการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องและบริษัทนอมินี ไม่เช่นนั้นอสังหาริมทรัพย์ก็จะไม่ฟื้น
7. ควรส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศที่ใช้แรงงานคน ไม่ใช่ใช้เครื่องจักรแบบโรงงานของจีน อีกนัยหนึ่งควรส่งเสริมโรงงานแบบของญี่ปุ่นที่เน้นการใช้แรงงานคน โดยรัฐบาลอาจจะต้อง subsidy บางประการ เช่นขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในราคาถูกเพื่อดึงดูดนักลงทุน เป็นต้น
8. สำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติควรเก็บภาษีซื้อ ภาษีกำไรจากการขายต่อ ภาษีมรดก เช่นเดียวกับที่คนไทยต้องเสียเมื่อไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ แต่พวกผู้นำวงการพัฒนาที่ดินไม่เคยนำเสนอเรื่องเหล่านี้คงหวังจะขายเป็นหลัก
9. การลดดอกเบี้ยเงินกู้เป็นสิ่งที่ทำได้และสมควรทำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรเข้าข้างสถาบันการเงิน โดยอาจจะให้ธนาคารของรัฐลดดอกเบี้ยก่อน หรืออาจนำธนาคารต่างประเทศเข้ามาแข่งขัน
10. ควรมีมาตรการควบคุมผู้ประกอบการ เช่น การจำกัดอุปทานในพื้นที่ล้นเกิน การออกใบอนุญาตบริษัทพัฒนาที่ดินตลอดจนการบังคับใช้ พ.ร.บ.การดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญาในแบบภาคบังคับสำหรับโครงการทุกแห่ง เป็นต้น
การฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวิเคราะห์สถานการณ์ ผู้ฟังพึงสังวร
You must be logged in to post a comment Login