- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 3 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 3 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 3 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 3 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 3 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 3 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 3 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 3 months ago
คัมภีร์ปีศาจ

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 9 พ.ค. 68)
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาในสภาพที่อ่อนและไม่รู้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมมนุษย์จำเป็นต้องมีคู่มือการใช้ชีวิตและผู้นำทางชีวิต ในฐานะที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมา พระองค์จึงประทานคัมภีร์และนบีผู้คอยชี้แนะการใช้ชีวิตให้แก่มนุษย์มาโดยตลอด
แหล่งข้อมูลทางประวัติศาสร์อิสลามบอกว่าพระเจ้าได้เลือกสรรมนุษย์ผู้มีคุณสมบัติดีเลิศในการเป็นผู้ชี้แนะการใช้ชีวิตแก่มนุษย์ในชุมชนต่างๆทุกยุคทุกสมัยเป็นจำนวน 124,000 คนและได้ประทานคัมภีร์แก่มนุษย์ผ่านทางนบีผู้ชี้แนะเหล่านี้จำนวน 313 เล่ม
โตราห์เป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งที่พระเจ้าประทานแก่โมเสสเพื่อเป็นกฎหมายปกครองลูกหลานอิสราเอลที่ต้องเร่ร่อนอยู่ในทะเลทรายด้วยความลำบากหลังจากอพยพออกมาจากอียิปต์ เนื้อหาสาระสำคัญของคัมภีร์โตราห์คือบัญญัติสิบประการที่ปัจจุบันมีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล
หลังการจากไปของโมเสส พวกลูกหลานอิสราเอลถูกกลุ่มชนต่างๆรุกรานขับไล่ คัมภีร์โตราห์สูญหายไป พวกลูกหลานอิสราเอลจึงพยายามรวบรวมคำสอนของโมเสสขึ้นมาใหม่ แต่ในการรวบรวมใหม่นี้เอง ด้วยความทะนงตนว่าตัวเองเป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกให้เหนือกว่าชนชาติอื่น ลูกหลานอิสราเอลจึงได้คัมภีร์เล่มใหม่ที่เป็นที่มาของศาสนายูดาย คัมภีร์ใหม่ที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่นี้คือคัมภีร์ตัลมูดที่ชาวยิวไซออนิสต์ใช้เป็นแรงบันดาลใจในการกระทำต่อคนที่มิใช่ยิว,

ข้อความต่อไปนี้เป็นบางตอนจากคัมภีร์ตัลมูด
- ดอกเบี้ยและการกู้ยืมซึ่งถูกห้ามในหมู่ชาวยิวด้วยกันถูกถือว่าเป็นที่อนุญาตเมื่อติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ
- คัมภีร์ตัลมูดสั่งให้คืนทรัพย์สินที่หายไปแก่เจ้าของมัน อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้ไม่ได้ถูกใช้ถ้าเจ้าของทรัพย์สินไม่ใช่ยิว
- ในกรณีอาชญากรรมเช่นการฆ่าและการขโมย ถ้าฝ่ายหนึ่งเป็นชาวยิวและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ กฎระเบียบจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเข้าข้างชาวยิว
- คนที่ไม่ใช่ยิวไม่สามารถกล่าวคำให้การเกี่ยวกับเรื่องของชาวยิวเพราะชาวยิวถือว่าผู้ที่มิใช่ชาวยิวไม่ซื่อสัตย์หรือไม่สามารถไว้วางใจได้
- ถ้าชาวยิวมีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงที่มิใช่ชาวยิว ไม่ว่าผู้หญิงนั้นจะเป็นเด็กอายุสามขวบ เธอต้องถูกฆ่าโดยไม่มีข้อยกเว้น นี่เป็นเพราะชาวยิวได้รับความเดือดร้อนจากผู้หญิงคนนั้น(แต่ชาวยิวแค่ถูกเฆี่ยน)
ถึงแม้ว่าการฆ่าชาวต่างชาติในช่วงเวลาแห่งความสงบเป็นที่ต้องห้าม แต่ในระหว่างสงคราม แม้แต่การฆ่าพลเรือนก็เป็นหน้าที่ทางศาสนา ในหนังสือเล่มเล็กๆที่จัดพิมพ์โดยกองบัญชาการกลางกองทัพอิสราเอลใน ค.ศ.1973 หัวหน้าแรบไบ(นักบวชชาวยิว)ได้เขียนว่า :
“เมื่อกองทัพของเราเผชิญหน้าพลเรือนในระหว่างสงคราม หากไม่แน่ชัดว่าพลเรือนเหล่านี้จะทำร้ายกองทหารของเราหรือไม่ ตามกฎหมายยิว(ฮาลาชา) พวกเขาสมารถถูกฆ่าและต้องถูกฆ่า..ไม่มีชาวอาหรับคนใดที่ไว้ใจได้ภายใต้สถานการณ์ใดๆ…ในระหว่างสงคราม หน่วยทหารของเราได้รับอนุญาตและถูกสั่งให้ฆ่าแม้เป็นพลเรือนในสถานการณ์ปรกติ (Albay Haham A. Avidan (Zemel))
ในระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ แรบไบ ยารอน รูเวน ได้ให้เหตุผลการฆ่าเด็กโดยการอ้างคัมภีร์ที่ถูกบิดเบือนว่า
“พระเจ้าได้บัญชาเราให้ฆ่าเด็ก คัมภีร์ของเราสั่งเรามิให้ไว้ชีวิตผู้ใดระหว่างสงคราม ไม่มีความเมตตา พวกท่านไม่อาจแม้แต่แสดงความเมตตาต่อเด็ก ถ้าพวกท่านทำ พวกท่านจะโหดร้ายต่อการเสียสละที่เด็กจะทำในอนาคต เพราะเด็กจะเติบโตด้วยอุดมการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าอุดมการณ์ของพ่อของเขา ในบทที่ 25 ของคัมภีร์โตราห์กล่าวว่า ไม่มีสิทธิ์ในชีวิตสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก พระเจ้าบัญชาให้ทำลายล้างผู้คนทั้งหมดที่พระองค์มอบให้พวกท่าน”
You must be logged in to post a comment Login