วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

“วอยซ์ทีวี”ยื่นศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวคำสั่งจอดำ15วัน

On February 14, 2019

ที่สำนักงานศาลปกครอง นายประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายข่าวและเนื้อหารายการ สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เข้ายื่นคำฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงาน กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง กรณี กสทช. มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตสถานีวอยซ์ทีวี 15 วัน ด้วยเหตุผลว่ามีการนำเสนอรายงานข่าวหลายรายการที่มีลักษณะส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง โดยสถานีวอยซ์ทีวีได้มีการยื่นคำขอต่อศาลปกครองกลางเพื่อขออุทธรณ์คำสั่ง กสทช. ดังกล่าว และขอให้ศาลปกครองกลางไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้จอดำ เพื่อให้สถานีกลับไปดำเนินรายการได้ตามปรกติ

โดยนายประทีปกล่าวว่า เหตุผลที่มายื่นคำร้องในวันนี้มี 3 ประเด็นหลักคือ

1.การสั่งปิดสถานีวอยซ์ทีวีกระทบกับความเสียหายทางธุรกิจของบริษัทอย่างรุนแรง ซึ่งตัวเลขความเสียหายเท่าที่ประเมินไว้ประมาณ 76 ล้านบาท โดยเป็นการประเมินจากโอกาสเรื่องโฆษณาในช่องทางต่างๆของทางสถานีเป็นระยะเวลา 15 วันที่ถูกสั่งปิด แต่การเรียกร้องค่าเสียหายตรงนี้คงจะเป็นขั้นตอนต่อไป ถ้าหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว วอยซ์ทีวีก็จะทำการยื่นเรียกร้องค่าเสียหายตามขั้นตอนกฎหมายปรกติ

2.เราจำเป็นต้องขอความคุ้มครองชั่วคราว เพราะในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังมีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนั้น ประชาชนมีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่หลากหลาย ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับความคุ้มครอง ดังนั้น การสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ในสถานการณ์แบบนี้จะสร้างผลกระทบต่อการรับรู้ข่าวสารของประชาชนอย่างรุนแรง เราจึงจำเป็นต้องขอความคุ้มครองชั่วคราว ยิ่งในช่วงนี้ที่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว กสทช. ควรต้องผ่อนคลายกฎที่ใช้กำกับดูแลและควบคุมสื่อ และควรมีบทบาทสนับสนุนเสรีภาพของสื่อด้วยซ้ำ

3.เราจำเป็นต้องยื่นอุทธรณ์ เพราะในเนื้อหาประเด็นที่ กสทช. เอามาเป็นบทลงโทษนั้น ทางสถานีมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 97 หรือ พ.ร.บ.ประกาศวิทยุกระจายเสียงมาตรา 37

“ขอเรียกร้องต่อ กสทช. และหัวหน้า คสช. ให้ช่วยกันผลักดันยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 97 และ 103 โดยเฉพาะหัวหน้า คสช. ซึ่งชัดเจนแล้วว่าจะมาลงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อลงมาเล่นการเมืองชัดเจนเช่นนี้ ในขณะที่ยังเป็นหัวหน้า คสช. และมีประกาศควบคุมสื่ออยู่ จะทำให้การเสนอข่าวสารไม่มีเสรีภาพเพียงพอ ซึ่งการบอกว่าอยากจะให้การเลือกตั้งนำไปสู่เสรีภาพและเป็นธรรมก็จะเป็นไปได้ยากที่จะเกิดขึ้น” นายประทีปกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการใช้อำนาจที่ผิดปรกติของ กสทช. หรือไม่ นายประทีปกล่าวว่า เราคิดว่าเป็นแบบนั้น เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 35 มีการรับรองสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ดังนั้น จะปิดสิ่งพิมพ์หรือสื่อมวลชนไม่ได้ เพราะจะเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ดังนั้น การที่ กสทช. นำประกาศคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 97 และ 103 มาใช้ในการลงโทษนั้น ควรจะยกเลิกได้แล้ว ที่ตนเรียกร้องเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประโยชน์ของช่องวอยซ์ทีวี แต่เป็นประโยชน์สำหรับสื่อมวลชนทุกแขนง เพราะตั้งแต่หลังปี 2558 ที่มีการรัฐประหาร มีการใช้กฎหมายพิเศษคือประกาศคำสั่ง คสช. ที่ 97 และ 103 มีผลบังคับใช้ ซึ่งหลังช่วงรัฐประหารใหม่ๆ เราก็เข้าใจสถานการณ์ของประเทศว่าอยู่ในบรรยากาศอย่างไร เราก็ได้พยายามปรับเนื้อหาหรือวิธีการนำเสนอให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งนี้ โดยความเห็นส่วนตัวแล้วเป็นที่สังเกตว่าที่ผ่านมาจะมีการสั่งปิดช่องวอยซ์ทีวีในช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญทางประชาธิปไตย อาทิ หลังมีการรัฐประหาร ช่วงที่มีการรณรงค์ให้มีการลงประชามติผ่านร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และล่าสุดครั้งนี้ก็คือเป็นช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม


You must be logged in to post a comment Login