วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

อุทยานแห่งชาติต้องมีโรงแรมดีๆ?

On July 10, 2018

คอลัมน์ โลกอสังหาฯ “อุทยานแห่งชาติต้องมีโรงแรมดีๆ?”

โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 13-20 กรกฏาคม 2561)

ผมไปเยี่ยมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เห็นการจัดการบ้านพักเขาใหญ่แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่มืออาชีพเลย ที่สำคัญเอาบ้านพักของข้าราชการมาดัดแปลงเป็นบ้านพักนักท่องเที่ยว เท่ากับเป็นการใช้เงินหลวงโดยผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ การจัดการที่พักหรือบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติควรเป็นอย่างไรกันแน่

ว่ากันว่า “รัฐบาลโปร่งใส” ของนายอานันท์ ปันยารชุน สั่งเลิกกิจการโรงแรมและสนามกอล์ฟเขาใหญ่ที่บริหารงานโดย ททท. ด้วยหลักการและเหตุผลสั้นๆ “ให้เขาใหญ่ได้พัก” (https://bit.ly/2KNQpZg) อันนี้เป็นข้ออ้างที่ “ไร้เหตุผลสิ้นดี” อันที่จริงนายอานันท์มองด้วยวิสัยทัศน์สั้นๆว่า ถ้าขืนมีที่พักแบบนั้นเขาจะไม่ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งไม่เป็นความจริง ในอุทยานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกล้วนแต่มีโรงแรมที่พัก ที่สำคัญดำเนินการร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (https://bit.ly/2u0YLFZ) ไม่ใช่ให้รัฐทำแบบตามมีตามเกิดโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใดๆ

เขาใหญ่

เขาใหญ่2

เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนสตรีเล่าให้ฟังว่า พากลุ่มนักเรียนเก่าร่วมรุ่นไปพักในบ้านพักของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปรากฏว่าเพื่อนถูกตัวเรือดกัด กว่าจะเอาตัวเรือดออกมาได้ก็เป็นแผล ตัวเรือดอ้วนไปเลย การนี้อาจกล่าวได้ว่าการจัดการบ้านพักของอุทยานฯอาจยังควรปรับปรุง อย่างไรก็ตาม แม้ทางอุทยานฯจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ใช่วิชาชีพหลักของผู้ปฏิบัติงานในอุทยานแห่งชาติ  ดังนั้น จึงควรให้เอกชนดำเนินการมากกว่า

อุทยานแห่งชาติหลายแห่งนำบ้านพักข้าราชการมาทำเป็นบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว กรณีนี้อาจไม่ถูกต้องนัก เพราะประการแรก บ้านพักข้าราชการควรใช้สำหรับข้าราชการเป็นหลัก งบประมาณที่ใช้ก็เพื่อให้ข้าราชการได้อยู่อาศัยเพื่อสะดวกแก่การปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรสร้างบ้านพักข้าราชการ คนที่จะทำงานควรลงไปพักข้างล่าง หรือมีบ้านพักอยู่ใกล้เคียง เดินทางไปกลับ ยกเว้นเวลาเข้าเวรยามมากกว่า

เขาใหญ่3

เขาใหญ่4

เขาใหญ่5

นอกจากนี้งบประมาณในการซื้อสบู่ ผ้าขนหนู และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าได้เบิกงบประมาณมาจากส่วนใด มาจากการหารายได้ของที่พักหรือไม่ มีการตรวจสอบหรือไม่ รายได้จากการให้พักได้รับการตรวจสอบและตั้งราคาเหมาะสมเพียงใด มี “บัตรเบ่ง” หรือไม่อย่างไร เงินที่ได้รับมานำไปใช้ “แบ่งกันเอง” ตามแบบสวัสดิการเช่นหน่วยงานหลายแห่งหรือไม่ นำไปใช้ในการพัฒนากิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่ามากน้อยเพียงใดหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ควรดำเนินการให้ชัดเจนโปร่งใส

อันที่จริงการมีบ้านพักชื่อ “โรงแรมเขาใหญ่” ในสมัยที่ ททท. หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดำเนินการนั้น ถือได้ว่าเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม ไม่ได้รุกล้ำธรรมชาติแต่อย่างใด และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ไม่ใช่แบบ “ฉิ่งฉาบทัวร์” หรือไม่ใช่แบบที่มากางเต็นท์กันสุดลูกหูลูกตาทำร้ายธรรมชาติอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ สิ่งที่สามารถทำได้ดีกว่านี้ก็คือ การให้เอกชนรับสัมปทานไปบริหารจัดการ แล้วรัฐบาลหรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้รับผลประโยชน์

การจะเซ้งให้ได้ราคาที่เหมาะสมก็ต้องให้นักวิชาชีพผู้ประเมินค่าทรัพย์สินอย่างผม (ไม่ต้องจ้างบริษัทของผมก็ได้ จะได้ไม่เป็นที่ครหา) การตั้งราคาแบบ “ซูเอี๋ย” กันระหว่างกรมกับเอกชนคงไม่ได้เรื่องแน่นอน เมื่อได้เงินที่สมควรแล้วก็สามารถนำเงินเหล่านี้มาเพื่อการ “อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” ให้ยั่งยืนต่อไป เพราะลำพังรายได้จากค่าที่พักและค่าเข้าชมที่เก็บอยู่ทุกวันนี้อาจไม่เพียงพอหรืออาจรั่วไหลได้หรือไม่

การมีโรงแรมดีๆไม่ได้เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ทุกวันนี้ที่เขาใหญ่ทรุดโทรมลงก็เพราะการบุกรุกโดยรอบ เขาใหญ่มีขนาดประมาณ 2,168.75 ตารางกิโลเมตร (https://bit.ly/2MLwKda) ใหญ่กว่ากรุงเทพมหานครที่มีขนาดเพียง 1,568 ตารางกิโลเมตรเสียอีก การบุกรุกโดยรอบโดยบุคคลที่ “มีเส้น” อยู่รอบๆเขาใหญ่มากกว่า แต่การปราบปรามต่างๆอาจทำได้ไม่ทั่วถึง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขาดงบประมาณ แต่อีกส่วนหนึ่งอาจมีอะไร “ลับลมคมใน” กว่านั้นหรือไม่ก็ควรจะได้รับการพิสูจน์

เรารักษาธรรมชาติ รักษาป่า เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ควรเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม การจะบรรลุวัตถุประสงค์เช่นนี้ได้ก็ต้องใช้เงินและทรัพยากรอื่นให้ดี อย่าว่าแต่ทำเป็นโรงแรมเลย แม้แต่ที่เกนติ้งไฮแลนด์ (https://bit.ly/2MIjxll) ใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีทั้งสนามกอล์ฟ กาสิโน และโรงแรมขนาดใหญ่กลางยอดเขาสูง 2,000 เมตร ก็ยังไม่เคยมีข่าวการบุกรุกทำลายล้างธรรมชาติของกิจการแห่งนี้ แต่การมีกิจการเช่นนี้ต่างหากที่นำรายได้มาเข้าหลวงเพื่อมาพัฒนาการอนุรักษ์ธรรมชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ราชการไทยจึงไม่ควรมองเถรตรงเกินไป ราชการไทยจึงไม่ควรมองเห็นแต่ต้นไม้ แต่ไม่เห็นป่าทั้งป่า ราชการไทยจึงไม่ควรมองไกลแค่ปลายจมูก


You must be logged in to post a comment Login