วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

บรรทัดฐาน

On February 14, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

หลังศาลปกครองกลางไม่รับคำร้องให้ทุเลาคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหายจาการดำเนินการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีจาก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพวก รวม 6 คน โดยแยกความเสียหายที่ต้องจ่ายให้กับรัฐดังนี้

นายบุญทรง ต้องจ่ายค่าเสียหาย 1,770 ล้านบาท นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 2,300 ล้านบาท นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ต้องจ่ายคนละ 4,000 ล้านบาท

หลังมีคำสั่งศาลเมื่อวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมากระบวนการยึดทรัพย์ตามคำสั่งจากปกครองที่ออกโดยรัฐบาลทหารคสช.ก็เดินหน้าอย่างคึกคัก

กรมการค้าต่างประเทศจะส่งเรื่องให้กรมบังคับคดีดำเนินการเพื่อยึดทรัพย์มา ขายทอดตลาดชดใช้ตามคำสั่งทางปกครองภายในวันนี้ (14 ก.พ.) โดยคดีนี้ถือเป็นคดีแพ่งมีอายุความดำเนินการ 10 ปี

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด แต่การดำเนินการอาจต้องใช้เวลาบ้างเพื่อความรอบคอบ

“นายกฯ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ละหน่วยงานรู้หน้าที่ของตนและทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว จึงต้องให้เป็นไปตามกระบวนการ โดยหลังจากวันที่ 14 ก.พ. เมื่อกรมการค้าต่างประเทศส่งเรื่องให้กรมบังคับคดีดำเนินการต่อไป ก็เชื่อมั่นว่าการทำงานจะไม่ล่าช้า ทั้งเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินและการยึดทรัพย์”

กระบอกเสียงของรัฐบาล ย้ำว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบมีวิธีการนำทรัพย์สินมาได้ ไม่ว่าจะถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่ใด ภายใต้อายุความถึง 10 ปี ดังนั้น จึงขอให้สังคมหรือผู้ที่ออกมาแสดงความเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าวเกิดความสบายใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความถูกต้อง เป็นธรรม และโปร่งใส อย่างแน่นอน

ทั้งนี้หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งมีการให้ข่าวออกมาจากหลายแหล่งว่า นายบุญทรงและพวกได้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปซุกยังต่างประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องออกมาให้ความมั่นใจว่าไม่ว่าจะย้ายไปซุกไว้ที่ไหนก็สามารถตามไปยึดได้ และไม่วายย้ำว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นไปอย่างถูกต้องโปร่งใส

อย่างไรก็ตามมีคำถามอยู่เหมือนกันว่าการออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหาย โดยไม่ฟ้องร้องเป็นคดีแพ่งต่อศาลเพื่อให้ศาลเป็นผู้ออกคำสั่งเรียกค่าเสีย หายเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมนั้นถือ เป็นบรรทัดฐานที่จะใช้ต่อไปในอนาคตได้หรือไม่

ที่สำคัญคือเราควรยอมรับบรรทัดฐานนี้หรือไม่

ถ้าเทียบกับการยึดทรัพย์ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ครั้งนั้นมีการฟ้องร้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่แม้สุดท้ายแล้วศาลจะมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ แต่ก็ถือว่าเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้แสดงเอกสารหลักฐานในการต่อสู้คดี

กรณีของนายบุญทรงและพวกแม้จะถูกฟ้องเป็นคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหมือนกัน แต่ว่าคดีในชั้นศาลยังไม่สิ้นสุดยังอยู่ระหว่างการไต่สวนพยาน

ขณะที่คดีในชั้นศาลยังไม่สิ้นสุดคำสั่งให้ชดใช้ค่ายเสียหายกลับมีผลบังคับแล้ว และสามารถตามยึดทรัพย์ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดได้ทันที


You must be logged in to post a comment Login