- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 3 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 3 months ago
- โลกธรรมPosted 3 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 3 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 3 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 3 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 3 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 3 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 3 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 3 months ago
-
เคาท์ดาวน์‘บิ๊กตู่’ / โดย สมศักดิ์ ไม้พรต
คอลัมน์ : จับกระแสการเมือง ผู้เขียน : สมศักดิ์ ไม้พรต ในที่สุดรัฐธรรมนูญใหม่ก็ได้ฤกษ์ประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว (ต้นฉบับนี้เขียนก่อนวันประกาศใช้) เมื่อรัฐธรรมนูญใหม่มีผลบังคับใช้ก็เท่ากับเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งไปสู่การเลือกตั้ง เริ่มต้นนับถอยหลังการลงจากอำนาจของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ กระบวนการจัดทำกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ ก็ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งด้วย ตามเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้คือ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ยกร่างกฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับด้วยนั้น มีเวลาในการทำร่างกฎหมายเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 240 วัน หรือ 8 เดือน จากนั้น สนช. มีเวลาพิจารณาร่างกฎหมายลูกอีก...
- Posted 8 years ago
-
บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ / โดย สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
คอลัมน์ : ถนนประชาธิปไตย ผู้เขียน : สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบกฎหมายปิโตรเลียมฉบับใหม่ด้วยคะแนน 227 ต่อ 1 เสียง หมายความว่ายังไม่มีการตั้ง “บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ” แต่ “ซื้อเวลา” โดยใส่ไว้ในข้อสังเกต เสนอให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการภายใน 60 วัน เพื่อทำหน้าที่พิจารณาศึกษารายละเอียดรูปแบบและวิธีการในการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติที่เหมาะสม กำหนดให้ทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ปัญหาที่คนทั่วไปอาจไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มาได้อย่างไร และ ปตท. ไม่ได้เป็นบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของไทยหรือจึงต้องตั้งใหม่นั้น ต้องย้อนอธิบายกระบวนการกฎหมายฉบับนี้ เริ่มจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายพันธมิตรฯและ กปปส. ที่โจมตีว่า...
- Posted 8 years ago
-
ยื้อไปก็แค่นั้น? / โดย Pegasus
คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน ผู้เขียน : Pegasus ความพยายามที่จะใช้ข้ออ้างในการซื้อเวลาให้รัฐบาลรัฐประหารอยู่ในอำนาจให้นาน ให้มากที่สุด เช่น การสร้างความปรองดอง หรืออย่างน้อยที่สุดถึงเปลี่ยนมือก็ขอให้ยังเป็นรัฐบาลมาจากรัฐประหารหรือเครือข่าย เพื่อความปลอดภัยไม่ให้มีการตรวจสอบย้อนหลังเรื่องใดๆ สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่เรื่องการปกครองแบบเผด็จการ แต่เป็นเรื่องความสามารถของรัฐบาลที่จะทำให้เกิดความมั่งคั่งเพื่อทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น เพราะจากรายงานหลายฉบับของทางราชการระบุว่า การจัดเก็บรายได้ที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายที่เกินตัวประมาณ 1 เท่า เปรียบเทียบง่ายๆคือ มีเงินเดือน 200 บาท แต่มีรายจ่าย 400 บาท ส่วนต่างนี้ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเติมให้เต็ม หมายความว่ายิ่งเวลาผ่านไปหนี้สะสมจะเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกเดือน หากเป็นปีก็จะเป็นจำนวนมหาศาลทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เมื่อดูตลาดหุ้นก็จะพบว่ามีการถอนการลงทุนจากตลาดหุ้นจำนวนมาก โดยตลาดตราสารหนี้ตามรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า มีการลงทุนในตราสารหนี้จากต่างประเทศมากขึ้น อธิบายง่ายๆคือ ตราสารหนี้คือสัญญาใช้เงินของบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ที่สำคัญคือพันธบัตรของรัฐ หรือสัญญาใช้เงินที่รัฐออกให้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือภาระหนี้สินจำนวนมาก...
- Posted 8 years ago
-
ด้วยขันติธรรม / โดย สุรพศ ทวีศักดิ์
คอลัมน์ : ทรรศนะแสงสว่าง ผู้เขียน : สุรพศ ทวีศักดิ์ หลายปีมานี้สังคมไทยเผชิญความขัดแย้งทั้งทางการเมืองและศาสนา แต่จนวันนี้เรายังไม่พบทางออกจากความขัดแย้ง เนื่องจากความขัดแย้งเป็น “สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น” โดยการเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาทางการเมืองนอกวิถีทางประชาธิปไตย และนำมาสู่การสร้างวาทกรรม “ปรองดอง” ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่สามารถปรองดองกันได้เสียที เพราะไม่สามารถกลับไปสู่วิถีทางประชาธิปไตยได้ จึงเป็นความจริงว่าถ้ายัง “ไม่เป็นประชาธิปไตย” ความปรองดองจริงๆก็เกิดขึ้นไม่ได้ ฉะนั้นรากฐานของปัญหาจริงๆคือ “ความไม่เป็นประชาธิปไตย” การแก้ปัญหาที่ถูกจุดจึงต้องสร้างความเป็นประชาธิปไตย เพราะความเป็นประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะเปิด “พื้นที่” ให้ความเห็นต่างได้สนทนาถกเถียงกันด้วยเหตุผลอย่างเท่าเทียม ความสงบภายใต้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นเพียงความสงบที่ถูกกดทับไว้ด้วยอำนาจปืน และอันที่จริงความสงบก็ไม่ใช่เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของสังคมมนุษย์ ดังที่อาจารย์ประจักษ์ ก้องกีรติ กล่าวว่า “ถ้าความสงบเป็นเป้าหมายเดียวของสังคมมนุษย์ เกาหลีเหนือคงเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุด” เพราะเป็นประเทศที่สงบที่สุด ไม่มีสื่อวิจารณ์รัฐบาล ไม่มีการเดินขบวนประท้วงหรือความวุ่นวายทางการเมือง แต่สภาพเศรษฐกิจ...
- Posted 8 years ago
-
ทุนนิยมโดยรัฐมีในรัฐประชาธิปไตยไหม? / โดย เรืองยศ จันทรคีรี
คอลัมน์ : กรีดกระบี่บนสายธาร ผู้เขียน : เรืองยศ จันทรคีรี สัปดาห์นี้ไม่มีหัวข้อใดเหมาะสมไปกว่าเรื่อง State Capitalism อย่างน้อยก็เห็นใครต่อใครเรียกร้องให้รัฐบาลจัดตั้ง “บรรษัทพลังงานแห่งชาติ” โดยบรรจุใน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ผมเองไม่สู้ชำนาญ คือมีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์แบบงูๆปลาๆ คงต้องเลี่ยงการกล่าวถึงด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งถ้ามองย้อนไปในอดีต การดำเนินการของไทยเรื่องการค้าขายเพื่อหารายได้เข้ารัฐมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว เรียกหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า “พระคลังข้างที่” ดูแลโดยโกษาธิบดี พระคลังข้างที่มีข้อห้ามไม่ให้ราษฎรเอาสินค้าบางอย่างไปขายตรงกับต่างประเทศ ต้องขายให้พระคลังข้างที่ ถือเป็นการผูกขาดกับทุนราชสำนัก โดยพระคลังข้างที่จะเป็นผู้ขายกับต่างชาติโดยตรง สินค้าที่รัฐผูกขาดโดยตรง เช่น งาช้าง นอแรด รังนก ครั่ง เป็นต้น ส่วนสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราชสำนักจะควบคุมเป็นพิเศษเรื่องกระสุนดินดำและอาวุธปืน มองภาพรวมในมิติประวัติศาสตร์ด้านเศรษฐกิจแล้ว การดำเนินการลงทุนโดยรัฐหรือราชสำนักในสมัยก่อนนับว่ามีความจำเป็นในการหารายได้มาพัฒนาบ้านเมือง...
- Posted 8 years ago
-
ความยั่งยืน / โดย ณ สันมหาพล
คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง ผู้เขียน : ณ สันมหาพล การทำให้บ้านเป็นโรงงานหรือฐานการผลิตอยู่ในบ้านต้องทำให้สินค้าเกิดมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เช่น เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ เพิ่มสีสันสินค้าและเครื่องหมายสินค้า ซึ่งเป็นการบอกผู้ซื้อให้ทราบถึงการเจริญเติบโตของกิจการ อย่ากลัวว่าถ้ากิจการใหญ่ขึ้นแล้วคนจะไม่ซื้อ แต่จะทำให้กิจการเป็นข่าวจนมีคนรอซื้อตลอดเวลา ขบวนการคนทำที่กำลังทำประโยชน์ให้กับโลก ประโยชน์แรกคือ ช่วยโลกให้ปลอดภัยจากการเติบโตของพื้นที่เมือง ซึ่งในอดีตคนชนบทพากันทิ้งบ้านเรือนเพื่อย้ายไปอยู่ในเมือง และทุกวันนี้ก็ยังทิ้งพื้นที่จนบางประเทศแทบไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ อันตรายจากภัยนี้ทำให้เมืองใหญ่ต่างๆกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมและแหล่งมั่วสุมของอาชญากรที่กระทำสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ รวมถึงการว่างงานของคนในเมือง หรือการเปลี่ยนงานบ่อยครั้ง ทำให้ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงชีพ ถ้ายังไม่สามารถแก้ไขและป้องกันการอพยพย้ายถิ่นฐาน โลกก็จะถึงกลียุค ซึ่งวัฒนธรรมและขบวนการคนทำที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนตามเมืองต่างๆไม่จำเป็นต้องย้ายถิ่นฐาน สามารถทำงานอยู่ที่บ้านเพื่อผลิตสินค้าขาย ทั้งยังทำให้รักษาอาชีพดั้งเดิมของท้องถิ่นให้คงอยู่และพัฒนาให้เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อ ประเทศประชาคมเศรษฐกิจยุโรปมีความตื่นตัวเรื่องการย้ายถิ่นฐานสูงด้วยการเปิด hackerspace ที่ใช้ชื่อ Open Maker ซึ่งมีทั้งเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ต่างๆทุกรูปแบบ หลังจากที่กลุ่มยุโรปเปิดโครงการ Horizon 2020...
- Posted 8 years ago
-
โอกาสจะเป็นวีรบุรุษ? / โดย ประชาธิปไตย เจริญสุข
คอลัมน์ : ฟังจากปาก ผู้เขียน : ประชาธิปไตย เจริญสุข สถานการณ์บ้านเมืองยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลักๆคือ 1.เรื่องเศรษฐกิจ 2.เรื่องความมั่นคง 3.เรื่องการแก้ปัญหาสังคม ถ้าให้คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 ผมให้ต่ำกว่า 5 ในทุกด้าน เริ่มเรื่องเศรษฐกิจวันนี้ ถ้า คสช. กล้าที่จะตอบตัวเลข ตอบโจทย์ทั้งหมด ก็น่าจะเห็นปัญหาว่าวันนี้เศรษฐกิจตัวไหนดีบ้าง รวยกระจุก จนกระจายเหมือนเดิมหรือไม่ มาตรการต่างๆของคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ดูแลงานทางด้านเศรษฐกิจจนถึงขณะนี้ 2 ปีกว่า ท่านกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำหรือไม่ว่าเศรษฐกิจดี ถ้าอยากรู้ขอให้ลงไปเดินถามชาวบ้านดู ผมเชื่อว่า คสช....
- Posted 8 years ago
-
แร้งกระพือปีก! / โดย สนานจิตต์ บางสพาน
คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน สนจ. ลืมส่งต้นฉบับ จนโดนทวงถึงได้นึกได้ อ้าว! ไอ้ห่าน…กูลืม สังขาร วิญญาณมาแว้ว มาแบบไม่ต้องเชิญ มาแบบไม่มีสัญญาณล่วงหน้า พอลงมือเขียนเหลือบไปเห็นราชกิจจานุเบกษาประกาศให้วันที่ 6 เมษายน เป็นวันที่จะมีพระบรมราชโองการของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ผ่านการลงประชามติจากรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว นั่นเท่ากับระฆังของการ “เลือกตั้ง” ดังขึ้นแล้ว แต่พูดก็พูดเถอะ สนจ. เฉยๆกับเรื่องพวกนี้แล้ว เลือกตั้งภายใต้ “โครงสร้าง” ที่คิด เขียน ร่างกันแบบ “กูจะเอาอย่างนี้” จากบรรดาเนติบริกรอย่าง...
- Posted 8 years ago
-
โมนา ลิน่า / โดย ศิลป์ อิศเรศ
คอลัมน์ : ร้ายสาระ ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ เธออาจจะไม่มีรอยยิ้มเป็นอมตะเหมือนกับภาพวาดโมนาลิซ่าของลีโอนาร์โด ดา วินชี แต่ใบหน้าของเธอปรากฏบนโปสเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่ศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกยังสร้างสรรค์ผลงานภาพใบหน้าเธอคนเดียวมากกว่า 500 ชิ้น จนหลายคนสงสัยว่าเธอเป็นใครและมีตัวตนจริงๆหรือไม่ ลิน่า คาวาลีรี เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 1874 ที่เมืองริเอติ ห่างจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี ขึ้นไปทางตอนเหนือราว 80 กิโลเมตร พ่อแม่เสียชีวิตเมื่อลิน่าอายุได้ 15 ปี เธอถูกส่งตัวไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโรมันคาทอลิก ระเบียบที่เคร่งครัดภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ลิน่ารู้สึกอึดอัด เธอจึงหลบหนีตามคณะละครเร่ จนกระทั่งคณะละครเร่มาเปิดการแสดงในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ลิน่าสมัครเป็นนักร้องในสถานบันเทิงเล็กๆแห่งหนึ่ง ด้วยใบหน้าที่งดงาม...
- Posted 8 years ago
-
อาการน่าเป็นห่วง / โดย พระพยอม กัลยาโณ
คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้ ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ พูดถึงโอวาทหรือคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการทำงานให้ก้าวหน้า ให้งานสำเร็จ ให้คนก้าวหน้า ให้องค์กรมั่นคง เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก เวลานี้น่าเป็นห่วงว่าถ้าคนในประเทศทำงานไม่เป็น ทำงานไม่ก้าวหน้า ทำงานไม่พัฒนา ทำไปทำมาเหมือนจะเกาะงานไปวันๆหนึ่ง ไม่ตั้งใจทำให้เกิดความสำเร็จในองค์กรของตัวเอง ในสถาบัน ในกระทรวงต่างๆ อาตมาบังเอิญช่วงนี้มีเด็กมาของานทำ 250 คน มองดูแล้วเด็กที่ทำงานมีสัก 10 เปอร์เซ็นต์เองที่เป็นไปตามหลักธรรมที่ว่า เต็มใจทำ แข็งใจทำ ตั้งใจทำ และทำงานอย่างถูกวิธี ที่เรียกกันว่า “อิทธิบาท 4” คือ รากฐานของความสัมฤทธิ์ ความสำเร็จในการทำงาน ที่น่าเจ็บปวดหัวใจคือ เด็กไม่ได้เต็มใจทำ...
- Posted 8 years ago
-
สันติภาพมีค่าเสมอ / โดย บรรจง บินกาซัน
คอลัมน์ : สันติธรรม ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน ถึงแม้อาคารทรงสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า “ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ” ถูกสร้างขึ้นมาด้วยหินตามธรรมชาติโดยอิบรอฮีมและอิสมาอีล 2 พ่อลูกในหุบเขาบักก๊ะฮฺที่ไร้ผู้คนเมื่อ 4,000 กว่าปีก่อน แต่หลังจากอิบรอฮีมได้รับคำบัญชาจากพระเจ้าให้เรียกร้องผู้คนมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อการเคารพสักการะพระองค์ นับแต่นั้นมาผู้ตอบสนองคำเรียกร้องของอิบรอฮีมได้ทยอยมายังสถานที่แห่งนี้กันไม่ขาดสาย เนื่องด้วยก๊ะอฺบ๊ะฮฺได้รับการถือว่าเป็นบ้านของพระเจ้า ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่จำเป็นต้องมีผู้ดูแล ดังนั้น ชาวอาหรับเผ่ากุเรชซึ่งเป็นลูกหลานของอิสมาอีลจึงต้องรับหน้าที่ในการดูแล และมีประเพณีที่เคร่งครัดห้ามขัดขวางคนที่จะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ เมื่อกาลเวลาผ่านไปชาวอาหรับหลงลืมเจตนารมณ์ดั้งเดิมของการสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺ โดยการนำเอาเทวรูปและเจว็ดบูชากว่า 300 องค์มาตั้งรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ จนมาถึงสมัยของนบีมุฮัมมัด ท่านได้บอกชาวอาหรับในเวลานั้นว่าเจว็ดบูชาเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรไปกราบไหว้ แต่พระเจ้าที่แท้จริงเพียงองค์เดียวต่างหากที่มนุษย์ต้องเคารพสักการะ ด้วยเหตุนี้กลุ่มผู้ปกครองเมืองมักก๊ะฮฺและดูแลก๊ะอฺบ๊ะฮฺจึงเริ่มต่อต้านนบีมุฮัมมัดจากเบาไปหาหนัก จนกระทั่งท่านนบีและมุสลิมต้องอพยพไปอยู่ที่เมืองยัษริบ แม้กระนั้นการย่ำยีบีฑาก็ยังไม่จบ ชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้ยกกองทัพไปรุกรานเมืองยัษริบโดยหมายจะกำจัดมุสลิมให้หมดสิ้นไป การสู้รบจึงเกิดขึ้นหลายครั้ง และผลมักจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายรุกราน เมื่อเริ่มมีกำลังเข้มแข็งขึ้น นบีมุฮัมมัดและมุสลิมเริ่มมีความรู้สึกคิดถึงบ้านที่มักก๊ะฮฺและอยากไปทำพิธีเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺตามประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน...
- Posted 8 years ago