- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 9 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 9 months ago
- โลกธรรมPosted 9 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 9 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 9 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 9 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 9 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 9 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 9 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 9 months ago
แปลงสุขและทุกข์ให้เป็นผลบุญ
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 20 พ.ย. 68)
“พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้” ป้ายคติธรรมบนเขาตังกวน จังหวัดสงขลา สอนศิลปะการใช้ชีวิตให้มีความสุขเมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีหรือได้ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ว่าถ้อยคำนี้จะเป็นของใคร เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันมาจากคำสอนของศาสนา
มนุษย์ทุกคนต้องการมีความสุขและคนส่วนใหญ่มักคิดว่าทรัพย์สินสามารถซื้อความสุขได้ จึงแสวงหาเงินทองเพื่อซื้อความสุข แต่ในความเป็นจริง บางคนมีทุกข์ตั้งแต่เริ่มหาเงิน และบางคนได้เงินมาแล้ว เงินกลับไม่สามารถบันดาลความสุขให้ได้ เงินอาจอำนวยความสะดวกสบายภายนอกได้ก็จริง แต่ไม่สามารถทำให้เกิดความสุขทางใจได้อย่างถาวร
หลายคนบากบั่นสะสมทรัพย์สินไว้มากมาย แต่กลับไม่มีความสุข บางคนเป็นทุกข์กับทรัพย์สมบัติจนถึงกับบริจาคทรัพย์สินในบั้นปลายชีวิตเพื่อไปแสวงหาความสุขจากการเป็นสมณเพศก็มี
เราปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่ามนุษย์แต่ละคนมีไม่เท่ากัน ถ้าโลกมีแต่คนรวยทั้งหมดก็คงไม่มีใครทำงานเป็นลูกจ้าง และถ้าโลกมีแต่คนจน นายจ้างก็คงไม่มี นอกจากนี้แล้ว มนุษย์ยังได้ไม่เท่ากันด้วย
ถ้าไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มนุษย์จะไม่มีวันได้พบความสุข ดังนั้น คำสอนของทุกศาสนาจะสอนคล้ายๆกันว่าถ้าพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ แม้จะน้อยนิดเพียงใดก็มีความสุข
ในอิสลามมีคำสอนของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “ความร่ำรวยมิได้หมายถึงการมีเงินมากมาย แต่ความร่ำรวยคือความพอใจ” ทั้งนี้เพราะมนุษย์ไม่ใช่ผู้ให้ แต่เป็นผู้รับต่างหาก ผู้ให้ที่แท้จริงคือพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของทุกสิ่งและพระเจ้าจะให้ใครมากน้อยเพียงใดก็เป็นสิทธิ์ของพระองค์ ความไม่พอใจในสิ่งที่มีและที่ได้ก็เท่ากับไม่พอใจการให้ของพระเจ้า
นอกเหนือจากทรัพย์ปัจจัยที่มนุษย์อยากมีและอยากได้แล้ว บางครั้ง มนุษย์อาจมีและได้สิ่งที่มนุษย์ไม่ต้องการ เช่น โรคภัยไข้เจ็บและเคราะห์กรรมเพราะมันทำให้เป็นทุกข์ แต่มันก็เกิดขึ้นกับมนุษย์เนื่องจากพระเจ้าสร้างความทุกข์และความสุขมาคู่กัน ดังนั้น ชีวิตมนุษย์จึงมีทุกข์และสุขคลุกเคล้ากันไป
ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าเมื่อมีความสุขแล้ว มนุษย์จะใช้ความสุขอย่างไรไม่ให้เกิดความทุกข์ตามมา และเมื่อมีทุกข์แล้วจะบริหารชีวิตอย่างไรให้มีความสุขตามอัตภาพแม้จะอยู่บนกองทุกข์ก็ตาม
ในคำสอนของอิสลาม ทุกสิ่งที่มนุษย์มีและได้รับทั้งดีและร้ายล้วนมาจากพระเจ้า ไม่มีมนุษย์คนใดอยากมีโรคหรือได้รับเคราะห์ร้าย แต่มันก็เกิดขึ้นกับมนุษย์ ทั้งนี้เพราะมันเป็นประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการจะทดสอบมนุษย์ว่าจะขอบคุณและยอมจำนนต่อพระองค์หรือไม่
ด้วยเหตุนี้ นบีมุฮัมมัดจึงสอนมนุษย์ให้ศรัทธาและยอมรับความประสงค์ของพระเจ้าในทุกสถานการณ์ ไม่เพียงเท่านั้น ท่านยังสอนวิธีการแปลงสถานการณ์ทั้งดีและร้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตให้เป็นผลบุญโดยการขอบคุณพระเจ้าด้วยการกล่าวคำว่า “อัลฮัมดุลิลลาฮฺ” (การสรรเสริญเป็นของพระเจ้า)
นบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “การงานของผู้ศรัทธานั้นช่างวิเศษเหลือเกิน การงานทั้งหมดของเขาล้วนดีสำหรับเขา การงานนี้มิได้มีไว้เพื่อใครนอกจากผู้ศรัทธาเท่านั้น หากมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเขา เขาก็ขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา และหากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับเขา เขาก็อดทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา”
การกล่าวคำ “อัลฮัมดุลิลลาฮฺ” เมื่อได้รับสิ่งดีๆเป็นการขอบคุณและนึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าเพื่อเตือนผู้ศรัทธาให้ระลึกถึงพระองค์และไม่หลงระเริงในสิ่งที่มี แต่การขอบคุณที่พระเจ้าโปรดปรานมากที่สุดคือการละหมาดซึ่งพระองค์สัญญาไว้ว่าจะเพิ่มพูนปัจจัยให้อีก
ความอดทนคือการยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าโดยไม่ปริปากบ่น มันเป็นการก้มกราบทางด้านจิตวิญญาณซึ่งได้รับผลบุญเหมือนกับการก้มกราบสักการะพระเจ้าในการละหมาดและพระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะอยู่กับผู้อดทน
การขอบคุณและความอดทนจึงนำผลบุญมาสู่ผู้ศรัทธาในพระเจ้า





You must be logged in to post a comment Login