- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 9 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 9 months ago
- โลกธรรมPosted 9 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 9 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 9 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 10 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 10 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 10 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 10 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 10 months ago
เรือของคุณมีมูลค่าเท่าไหร่
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 3 ธ.ค. 68)
เราจะประเมินค่าเรืออย่างไรดี เรือที่ว่าหมายถึงเรือเดินทะเล เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ เรือลากเรือ เรือลากจูง เรือยอร์ช หรือวัตถุลอยน้ำที่ใช้บรรทุกสิ่งของต่างๆ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการประเมินค่าเรือเดินทะเลโดยเริ่มต้นพิจารณาจากผู้ผลิต รุ่น และความจำเพาะ-เงื่อนไขต่างๆ เป็นสิ่งที่แน่นอนว่า ถ้าเรืออยู่ในสภาพดี หรือเพิ่งผลิต ก็สามารถใช้วิธีต้นทุนได้ไม่ยาก แต่ถ้าเรือที่อยู่ในสภาพไม่ดี ใช้งานมานานพอสมควรแล้ว หรือขาดการบำรุงรักษาเท่าที่ควร ราคาก็คงจะตกต่ำลงไปมาก ยิ่งกว่านั้น ชื่อเสียงของบริษัทผู้ผลิต ประสิทธิภาพ และความนิยมของรุ่นนั้น ๆ ก็มีส่วนสำคัญในการพิจารณามูลค่าของเรือด้วย
การประเมินค่าเรือก็คล้ายกับการประเมินค่าทรัพย์สินอื่นๆ ที่เราต้องพิจารณาถึงสภาวะตลาด ตัวอย่างเช่น เมื่อการประมงไทยกำลังเฟื่องฟู ราคาเรือประมงก็สูงตามไปด้วย อาจกล่าวได้ว่ามูลค่าของเราจะสูงกว่าเมื่อเศรษฐกิจดี แต่ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำ เรือก็ค่อยไม่มีความต้องการ ทำให้มูลค่าที่ประเมินได้ตกต่ำตามไปด้วย อย่างไรก็ตามผู้ประเมินก็พึงพิจารณาถึงภาวะตลาดให้ชัดเจน เช่น เรือที่ใช้ขนถ่ายน้ำมัน หากการขนส่งนี้ยกเลิกไป หรือหดตัวตกต่ำลง เรือนั้นๆ จะนำไปใช้ในกิจการเรือประเภทอื่นที่ยังอยู่ในภาวะที่ดีได้หรือไม่ เป็นต้น
ในการผลิตเรือลำหนึ่งๆ อาจมีค่าแรงกับค่าเครื่อง ค่าอุปกรณ์ประกอบเรืออยู่ในองค์ประกอบที่ 40 : 60 โดย 40 คือค่าแรงนั่นเอง ที่ค่าแรงแพงเพราะมักประกอบในต่างประเทศ เช่น ไปประกอบเรือที่เกาหลี ค่าแรงจึงแพงกว่าค่าแรงในไทย เช่น คนทาสีอาจมีค่าแรงเดือนละ 70,000 – 80,000 บาท แต่เครื่องยนต์ อาจเป็นเครื่องยันมาร์จากประเทศญี่ปุ่น แต่ส่วนมากไม่ไปประกอบที่ญี่ปุ่นเพราะค่าแรงในญี่ปุ่นแพงหนักกว่าในเกาหลีเสียอีก ในประเทศไทยก็สามารถต่อเรือเองได้บ้าง แต่ไม่นิยมต่อเรือในไทย เพราะเครื่องจักรต่างๆ ต้องนำเข้า (ไม่ใช่แบบจีนที่ทำเองได้แทบทุกอย่าง) ทำให้ต้นทุนอาจแพงพอๆ กับการไปสั่งทำจากต่างประเทศ
ปกติแล้ว เรือลำหนึ่งมีอายุใช้งานประมาณ 25 ปี หลังจากนั้น ก็อาจปลดระวางจากการใช้งาน หรือนำเรือไปซ่อมใหญ่เพื่อใช้ในธุรกิจที่ต้องการคุณภาพเรือที่ต่ำกว่า ราคาซากเมื่ออายุครบ 25 ปีอาจไม่ถึง 10% ของต้นทุนค่าก่อสร้าง นอกจากนี้เรายังอาจขายเครื่องจักรต่างๆ ภายในเรือเป็นชิ้นๆ ไป บางทีการขายชิ้นส่วนทีละชิ้นอาจได้มูลค่ามากกว่าการขายเหมาไปก็ได้ กรณีนี้ก็เช่นเดียวกับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต่างๆ ที่เวลาขายซากของทรัพย์สินแยกส่วน อาจจะมีราคามากกว่าการขายเหมารวม ก็เป็นไปได้เช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าเรือต่างๆ ไม่ค่อยตกยุคเหมือนเครื่องบิน เพราะเทคโนโลยีการเดินเรือก็ได้มาตรฐานที่ดีมานาน ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
ในการประเมินค่าเรือ เรายังอาจพิจารณาวิธีรายได้ด้วยก็ได้ โดยถือสมมติฐานว่าการตัดสินใจลงทุน (ซื้อ/ต่อเรือ) ขึ้นอยู่กับมูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์ในอนาคตที่จะได้รับจากการลงทุนและมูลค่าของสินทรัพย์หนึ่งๆ จะแสดงด้วยมูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต เช่น ถ้านำเรือนี้ไปรับจ้างขนสินค้า ตลาดของสินค้านั้นๆ จะมีอนาคตมากน้อยเพียงใด มีรายได้จากการขนส่งมากแค่ไหนในแต่ละปี การเปลี่ยนแปลงของรายได้ในอนาคตจะเป็นอย่างไร เทียบกับต้นทุนค่าซื้อ/ต่อเรือดังกล่าวมาแล้ว อัตราผลตอบแทนดังกล่าวคุ้มค่าหรือไม่ เป็นต้น
ถ้าในกรณีเรือยอร์ช เศรษฐีที่รวยจริงๆ จะมีเรือยอร์ช ซึ่งถือเป็นสังหาริมทรัพยืคือทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายได้ (Moveable Properties หรือ Personal Properties) บางคนก็บอกว่าซื้อเรือยอร์ช มีความสุขวันที่ซื้อกับวันที่ขาย (ยกภูเขาออกจากอก) โดยการประเมินค่าของเรือยอร์ชตามปกตินั้น เขามีบันทึกการซ่อมบำรุงต่างๆ เราเพียงดูว่ามันครบถ้วนหรืไม่ มีอะไรหมดอายุบ้างหรือไม่ จำเป็นต้องถึงรอบซ่อมบำรุงครั้งใหญ่หรือไม่อย่างไร เคยมีปัญหาในการใช้งานหรือมีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ ทั้งหมดนี้มีอยู่ในบันทึกที่ต้องเปิดเผยและแสดงชัดเจนอยู่แล้ว สามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก มีบันทึกที่ชัดเจน มีกัปตันและเจ้าหน้าที่อื่นคอยตรวจสอบและบำรุงรักษาตามรอบเวลาอยู่แล้ว
ดังนั้นวิธีที่ง่าย สะดวก รวดเร็วที่สุดก็คือวิธีการเปรียบเทียบตลาด ในตลาดเรือยอร์ชส่วนตัว ในท้องตลาดมีเรือยอร์ชมาตรฐานต่างๆ (ไม่ใช่แบบต่อเอง) อยู่มากมาย มีการประกาศขาย มีผลการขายของเรือรุ่นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินค่าทรัพย์สินได้สบายๆ เรือทั้งเก่าและใหม่ยังสะท้อนให้เห็นถึงค่าเสื่อมตามระยะเวลาได้อีกด้วย
ข้อมูลต่างๆ ที่มีนั้น แม้บางส่วนจะมีในอินเตอร์เน็ต แต่ก็ยังอาจไม่ครบถ้วน หรือไม่มีจำนวนเพียงพอที่จะนำมาวิเคราะห์ได้ ข้อมูลหลายอย่างก็ยังเป็นราคาเรียกขาย ซึ่งไม่มีรายงานราคาที่มีการซื้อขายจริง ดังนั้นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจึงนิยมซ้อข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลเรือที่มีข้อมูลอยู่ครบถ้วนทั่วโลก เพื่อนำมาสร้างแบบจำลองทางสถิติเพื่อวิเคราะห์หามูลค่าที่เหมาะสมของทรัพย์สินที่เราประเมิน ซึ่งยังความแม่นยำอยู่มาก ผู้ประเมินจึงต้องรู้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และราคาขายของข้อมูลที่เหมาะสม
ส่วนความคุ้มค่าของเงินหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เข้าทำนอง “คนรวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด” แม้จะขาดทุนก็ถือเป็นกำไร โดยเฉพาะกำไรในการโอ้อวด แถมยังอาจมีสังคมของคนมีเรือยอร์ช ซึ่งอาจนำไปสู่ความสำเร็จในอีกแง่หนึ่งก็ได้ เช่น เรือยอร์จลำหนึ่งราคา 200 ล้านบาท อาจมีค่าบำรุงรักษาปีละ 10% หรือ 20 ล้านบาท ราคาที่ซื้อมาวันนี้จะเหลือราว 60% หากเวลาผ่านไป 5 ปี แต่สำหรับเศรษฐีจริงๆ ก็คงไม่มีปัญหา
เรือยอร์ชยังอาจสามารถให้เช่าสร้างรายได้ได้อีกด้วย เช่น หากให้เช่าเรือโดยเรายังมีสิทธิ์ใช้เรืออยู่ประมาณ 15 วันต่อปี อัตราผลตอบแทนอาจอยู่ที่ 3% ของราคาเรือ ซึ่งก็ไม่มากนัก ไม่คุ้มค่ากับค่าเสื่อม แต่ก็อาจจะดีกว่าการปล่อยเรือไว้เปล่าๆ เพราะผู้เช่าก็จะดูแลเรือให้ด้วย หาที่จอดให้ด้วย เป็นต้น เรือยอร์ชที่ AREA เคยประเมินไว้ แม้จะไม่ได้ปล่อยเช่า (เพราะเจ้าของรวยสุดๆ) แต่ก็อาจชี้ได้ว่าทรัพย์สินประเภทนี้มีโอกาสสร้างรายได้
ใครมีเรือยอร์ชให้ประเมินบอกผมได้นะครับ





You must be logged in to post a comment Login