วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมเข้าชื่อเสนอประธานสภาเพื่อยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ศาลฏีกาไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนว่า ไม่เป็นไร หากเขาคิดว่าเป็นช่องทางที่ทำได้ก็ทำไป ใครอ่านรัฐธรรมนูญก็รู้อยู่ว่ามีช่องทางเช่นนั้น แต่สุดท้ายก็อยู่ที่ ป.ป.ช. และศาลฎีกาจะว่าอย่างไร เมื่อถามว่าจะเข้าเงื่อนไขตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าเรื่องดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจไต่สวนขององค์กรใดภายใต้รัฐธรรมนูญ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ขอตอบ เมื่อถามว่าตามช่องทางกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ตอบ เมื่อฝ่ายค้านจะเป็นฝ่ายยื่นก็ต้องพิจารณาเองว่าทำได้หรือไม่ เมื่อถามว่าประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คงยังไม่มีใครประเมินเรื่องนี้ในเวลานี้ เมื่อถามอีกว่าประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปราย ทั้งเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน...

วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี​และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ภายหลังการประชุมผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ออกมาตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่รู้ว่าเทวดาจะมาลงพื้นที่ ภายหลังจากนายกฯถามหา ส.ส.พรรคเพื่อไทยระหว่างลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานีวานนี้ (19 ก.ย.) ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว แต่เอานิ้วชี้มาที่หูก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่โซเชียลวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม จ.อุบลราชธานีของนายกรัฐมนตรี​ในทำนองที่ว่าจะต้องมีการเคลียร์สถานที่พักพิงของชาวบ้านเพื่อต้อนรับถึงขั้นเรียกนายกฯเทวดาว่า เมื่อวานนี้ตนเองเดินทางร่วมคณะไปกับนายกรัฐมนตรีด้วย ยืนยันว่าไม่มีการสั่งเคลียร์พื้นที่แต่อย่างใด เป็นการลงพื้นที่แบบพื้นๆ ขนาดนั่งเรือท้องแบนก็ยังไปติดแก่งเลยจะเป็นเทวดาที่ไหน อีกทั้งยังนั่งเรือเป็นชั่วโมงอีก ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า “ทำงานก็ด่าไม่ทำงานก็ด่า”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบอุทกภัย พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ประชาชน จิตอาสา และผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทุกคน ขณะเดียวกันยังได้พระราชทานพระบรมราโชบายให้รัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอย่างมีระบบแบบแผนอย่างเช่นที่ทหารได้ทำอยู่ ส่วนสาเหตุที่ต้องลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นครั้งที่ 2 นั้น เนื่องจากตนเองเป็นห่วง และส่วนตัวจะต้องไปตรวจราชการที่สหรัฐอเมริกา แต่ได้กำชับคณะรัฐมนตรีไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อให้เตรียมการฟื้นฟู ส่วนงบบริจาครวมถึงการช่วยเหลือเบื้องต้น ให้คำเชื่อมั่นว่าจะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชน ดังนั้น จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน ระเบียบวิธีปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นอาจถูกตรวจสอบการทุจริตเหมือนอดีตที่ผ่านมา

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงเกณฑ์การใช้เงินที่ได้รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่กระทบต่อกฎหมายว่า การที่เอกชนหรือใครก็ตาม แม้กระทั่งนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ลงไปช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องดี ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบอะไร แต่เงินที่ได้รับบริจาคเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยของรัฐบาลนั้นมีระเบียบตายตัว มีกรอบของมันอยู่ ต้องตรวจสอบความเสียหาย รายงานผ่านทางจังหวัดและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) “อยู่ดีๆจะไปถือเงินแจก ทำอย่างนั้นเหมือนเอกชนไม่ได้ เพราะถ้าทำได้จะเกิดการเลือกที่รักมักที่ชัง เช่น บ้านนี้ ตำบลนี้ อำเภอนี้เป็นหัวคะแนน เอาไปเลย 2 หมื่น บ้านโน้นไม่รู้อย่างไรเอาไป 2 พัน จำได้หรือไม่ มีรัฐบาลสมัยหนึ่งมีกองทุนทำนองนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่พื้นที่นี้ได้ 2 ล้าน อีกพื้นที่ให้ 7 ล้าน ทุกวันนี้คดีอยู่ยังอยู่ใน...

เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 18 ก.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15) หรือไม่ จากเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ โดยมีนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภา และ พล.ต.วิรัช โรจนวาช คณะทำงานนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง เข้ารับฟังการวินิจฉัยของศาล นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ...

ที่รัฐสภา เกียกกาย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรอบเวลาการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ในวันนี้ (18 ก.ย.) ว่า ฝ่ายค้านต้องปรับเวลาใหม่ เพราะมีพิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในเวลา 18.00 น. ณ พระลานพระราชวังดุสิต ซึ่งทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือ เพราะ ครม. ทุกคนจะต้องไปร่วมพิธี...

เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการรับมือฝ่ายค้านในการอภิปรายประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ และแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาโดยไม่แจ้งที่มางบประมาณ ในวันที่ 18 กันยายนว่า มีความพร้อมเสมอมา เมื่อไรที่สามารถดำเนินการได้ตนก็จะไปตอบ และไปรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากทุกคน จึงไม่มีอะไรตื่นเต้นสักอย่าง เพราะมันเลยเวลา เกินขั้นตอนที่จะตื่นเต้นแล้ว เมื่อถามว่าวันที่ 18 กันยายนนี้ นายกฯมีงานทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น แต่ระหว่างนั้นจะอยู่ที่สภาทั้งวันเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คิดว่าจะอยู่ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องทำงานด้วย สำหรับการอภิปรายนั้นไม่ได้ขัดข้องหรือขัดแย้งกับใคร เพราะไม่ว่านายกฯจะอยู่หรือไม่อยู่ก็สามารถอภิปรายกันได้อยู่แล้ว แต่คิดว่าอยากอยู่ให้ได้มากที่สุด ส่วนข้อมูลที่จะชี้แจงนั้นมีอยู่แล้ว โดยมีฝ่ายกฎหมายเตรียมข้อมูลทั้งหมดให้ ไม่ได้เตรียมข้อมูลด้วยตัวเอง จึงต้องฟังข้อมูลจากฝ่ายกฎหมายและคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่าความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์แต่ละอย่างนั้นเป็นอย่างไร และคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก็มีผลในส่วนนี้ด้วย ขอให้ฟังกันบ้างก็แล้วกัน

วันนี้ (17 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ก่อนการประชุมนายกรัฐมนตรีได้ร่วมบริจาคเงินส่วนตัวจำนวน 100,000 บาท เพื่อเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยส่งความห่วงใยถึงกันผ่านรายการ “ร่วมใจพี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” พร้อมเกาะติดสถานการณ์พร้อมมาตรการเยียวยาฟ้าหลังฝน และเปิดรับบริจาคผ่านทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ในวันเดียวกันนี้ตั้งแต่เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในการจัดสรรเงินงบประมาณหรือเงินบริจาคลงในแต่ละพื้นที่ที่มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจะต้องดูให้ละเอียดและรอบคอบ โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ กฎระเบียบต่างๆที่มีอยู่ ซึ่งแต่ละครอบครัวอาจจะได้รับเงินช่วยเหลือไม่เท่ากัน...

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบวุฒิการศึกษาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ตอนสมัคร ส.ส. ไม่ได้มีการตรวจสอบวุฒิการศึกษา เพราะไม่ได้กำหนดวุฒิเอาไว้ และตอนเป็นรัฐมนตรีก็ตรวจสอบเฉพาะวุฒิปริญญาตรี หากจบปริญญาตรีก็ถือว่าคุณสมบัติครบ สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ ส่วนปริญญาโทและปริญญาเอกจะจบหรือไม่จบก็ถือเป็นสิทธิของบุคคลนั้น แต่หากไม่จบแล้วไป แสดงว่าจบโดยแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จถือเป็นเรื่องของจริยธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบกันต่อไป หากพบว่าผิดจริยธรรมก็สามารถปรับออกได้ ส่วน พ.ร.บ.ล้างมลทินจะสามารถล้างความผิดในอดีตได้หรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะมีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติ กรณีนี้เป็นเรื่องคุณสมบัติโดยตรง  แต่ในชั้นการตั้ง ครม. ไม่ได้ตรวจสอบในส่วนนี้เช่นกัน

วันนี้ (16 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน รัฐบาลไม่เกี่ยว ส่วนกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เฮงซวยทุกมาตรานั้น คนที่พูดต้องรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง พร้อมทั้งกล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภา และในที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว เพราะมีงานอื่นที่ต้องทำอีกมากมาย ถึงแม้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของพรรคการเมือง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการตั้งข้อสังเกตวุฒิการศึกษาปริญญาเอกของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นของปลอม และอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ ได้มีการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรีเพียงแค่ว่า ต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่ได้บอกว่าต้องจบปริญญาอื่น โดยในส่วนของปริญญาตรี สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ตรวจสอบแล้ว และ ร.อ.ธรรมนัสเมื่อจบโรงเรียนนายร้อยก็ถือเป็นปริญญาตรี เข้าเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่แล้ว ส่วนปริญญาโท ปริญญาเอก จะเป็นของจริงหรือของปลอม หรือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รับรองหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดให้จบการศึกษาปริญญาตรีก็ตรวจสอบแค่นั้น เขาไม่อยากรู้ว่าจบปริญญาโท ปริญญาเอกที่ไหน รู้แค่จบปริญญาตรีก็พอแล้ว เมื่อถามว่าแม้จะไม่กระทบกับคุณสมบัติของรัฐมนตรี แต่หากสุดท้ายพบว่าปริญญาเอกเป็นของปลอมถือว่าเป็นการกรอกคุณสมบัติเท็จหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตนไม่ตอบในส่วนนี้ อย่าเอา 2-3 เรื่องมาปนกัน ถ้าตั้งต้นด้วยเรื่องคุณสมบัติก็ต้องพูดเรื่องคุณสมบัติตามกฎหมาย...