“น่ากลัวยิ่งกว่าผีก็บุหรี่ ไฟฟ้า” เสี่ยงตายไม่รู้ตัว

• Tweet
• 

“ผมเริ่มลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าตอนอายุ 15 ปี เพื่อนชวนให้ลอง กลิ่นองุ่นคือกลิ่นแรกที่ผมได้ลอง สูบแล้วไม่มีอาการสำลักควัน พอได้ลองแล้วติดใจเลย บุหรี่ไฟฟ้าก็หาซื้อกันแถวโรงเรียน มีแม่ค้าคุ้นหน้าผมเขาก็ขายบุหรี่ฟ้าให้ ในราคา 300 บาท รุ่นที่ผลสูบตอนนั้นเป็นรุ่นที่หยดน้ำยา”

สิ้นเสียงน้องเอ (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 19 ปี ที่มาสะท้อนประสบการณ์ผลกระทบต่อร่างกายที่มาจากการติดบุหรี่ฟ้า ในกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันฮาโลวีน ปี 2568 Active Youth “Halloween city หยุดผีบุหรี่ไฟฟ้า” จัดขึ้นโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง สำนักป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร มูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว จัดกิจกรรมรณรงค์เทศกาลฮาโลวีนประจำปี  2568 Active Youth “Halloween city หยุดผีบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อสร้างความตระหนัก และลดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน  ที่ผ่านมา

สูบแค่ 1 เดือน ร่างกายแย่ทันตาเห็น

น้องเอ กล่าวว่า ตอนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในตอนนั้นผมรู้สึกเท่ห์ดี สามารถพ่นควันออกเป็นรูปวงกลมได้อีก ช่วงนั้นสูบทุกวัน จนกว่าจะนอนเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม  และในช่วงนั้นผมยังเป็นนักกีฬาฟุตบอล ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ เริ่มใช้ชีวิตลำบาก หายใจไม่สะดวก เจ็บหน้าอก ไอ บางครั้งมีเลือดปนออกมา และเหนื่อยง่าย ซึ่งช่วงก่อนสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่เคยมีอาการเหล่านี้ แต่พอสูบแล้วเจ็บหน้าอกเหมือนถูกทุบ จึงไปตรวจ คุณหมอได้อธิบายว่าสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ฟ้า ตนรู้สึกกลัวจนตั้งใจจะเลิกให้ได้โดยใช้วิธีหักดิบเลย

“สิ่งที่ทำให้ผมหักดิบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากผลกระทบทางร่างกายแล้ว คือผมมีน้องเล็กๆ เขายังเล็กอยู่ ผมอยากให้เขาวิ่งเล่นในบ้านได้อย่างปลอดภัย  และขอส่งกำลังให้ทุกคนที่อยากจะเลิกเพราะรู้ว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก กำลังใจจากคนรอบข้าง คนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ เชื่อว่าหากตั้งใจจริงก็จะสามารถเลิกได้อย่างแน่นอน เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเองด้วยตอนนี้เลิกมาได้หนึ่งปีแล้ว  ชีวิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  คนรอบข้างก็ไม่ต้องมารับพิษภัยจากควันบุหรี่ไฟฟ้าเพราะเราด้วย” น้องเอ กล่าว

สสส.ชี้กลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า ไทยเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุด ปี 2567 พบคนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงขึ้น 11.44 เท่า จากปี 2564 ที่มีผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า 78,742 คน เพิ่มเป็น 900,459 คน ในปี 2567 เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 15-24 ปี มากถึง 251,625 คน ซึ่งขณะนี้มีบุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ พร้อมใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านสื่อออนไลน์ เข้าถึงและจูงใจให้เยาวชนอยากลองใช้ 1.ทอยพอด บุหรี่ไฟฟ้ารูปลักษณ์คล้ายของเล่น หรือตุ๊กตา 2.พอดจมูก สูบผ่านจมูกคล้ายยาดม 3.นิโคตินพาวช์ (Nicotine Pouch) หรือถุงซองนิโคติน ใช้เหน็บไว้ระหว่างเหงือกกับริมฝีปาก 4.พอดเค บุหรี่ไฟฟ้าแปลงร่างเป็นยาเสพติด ที่เปลี่ยนหัวพอดเป็นน้ำยาผสมเคตามีน หรือยาสลบ สูบแล้วเคลิ้มฝัน เมา มีผลกระทบต่อสุขภาพรุนแรง เช่น ประสาทหลอน นำไปสู่โรคจิตเภท ทำให้กล้ามเนื้อขาดออกซิเจน อาจหมดสติ และเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ สารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตราย ส่งผลต่อพัฒนาการสมอง เพิ่มความเสี่ยงโรคปอดอักเสบรุนแรง และภาวะซึมเศร้า

“การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นสถานการณ์เร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันสร้างการรับรู้ให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงอันตรายและรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า สามารถปฏิเสธสิ่งยั่วยุได้อย่างมั่นใจ สสส. จึงหนุนเสริมและสานพลังภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนป้องกันและลดการสูบบุหรี่ทุกชนิด โดยจัดกิจกรรมรณรงค์อย่าง สร้างการรับรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า สะท้อนผลกระทบและความสูญเสีย เจาะลึกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆ พร้อมสร้างแกนนำเยาวชนเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน เพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว

สคบ.ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปิดกั้นการขายบุหรี่ไฟฟ้า

นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค 3 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า สคบ. ในฐานะเจ้าของกฎหมายห้ามผลิต นำเข้า จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ที่ผ่านมา สคบ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบุรี่ไฟฟ้ามากกว่า 200 คดี คิดเป็นมูลค่าของกลางมากกว่า 1,000 ล้านบาท แม้รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วน ให้ความสำคัญทุกภาคส่วน เร่งป้องกันและปราบปราม ทำให้ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น ไม่มีการซื้อขายหน้าร้านที่เด็กเข้าถึงง่าย แต่มีการหลบไปขายผ่านออนไลน์มากขึ้น ทำให้ยากต่อการไล่ตรวจจับ โดยเฉพาะออนไลน์จากต่างประเทศ เพราะใช้อำนาจสั่งปิดเว็บไซต์ หรือแอคเคาท์ยาก ต้องขออนุญาตหลายขั้นตอน ทั้งนี้ สคบ. จึงได้ประสานหลายภาคส่วน เพื่อขอความร่วมมือในการปิดกั้นการขายบุหรี่ไฟฟ้า เช่น บริษัทขนส่ง แพลตฟอร์มออนไลน์

สำนักอนามัยแนะที่ทิ้งบุหรี่ไฟฟ้า

พญ.ดลจรัส ทิพย์มโนสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพฯ กล่าวว่า กทม.มีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนงานบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบันนี้คือ อัตราส่วนการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสาเหตุมาจากเพื่อนชักชวนให้ลองพร้อมให้บุหรี่ไฟฟ้าฟรี และคนในบ้านชักชวนให้สูบ เช่น พ่อแม่ เพราะคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตรายเหมือนบุหรี่มวน

นอกจากนี้ พญ.ดลจรัส ได้แนะนำโรงเรียน หรือผู้ปกครองที่ไม่รู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่ยึดมาได้จะนำไปทิ้งไว้ที่ใด เพราะหากเก็บเอาไว้ที่ตนเองก็เสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ว่า ขอให้ทางโรงเรียนหรือผู้ที่มีบุหรี่ไฟฟ้านำบุหรี่ไฟฟ้านำส่งได้ที่สำนักงานเขต กทม.ทุกเขต หรือที่หน่วยงานสาะรณสุขในเขต กทม. หรือถ้าไม่สะดวกให้นำไปทิ้งได้ในถังขยะอันตรายได้เช่นกัน

You must be logged in to post a comment Login