เปิดตัวแอปฯประเมินภาวะทางเดินปัสสาวะอุดกั้นด้วยเสียงช่วยผู้สูงอายุและคนตาบอด

• Tweet
• 

ปิดฉากไปอย่างสวยงามสำหรับงาน “HEALTHTECH X2 The Future” งานประกาศและมอบรางวัลแก่กลุ่มผู้เข้าร่วมประกวดสุดยอดนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ และในปีนี้ แอปฯ ประเมินภาวะทางเดินปัสสาวะอุดกั้นด้วยเสียง เพื่อช่วยประเมินสุขภาพของผู้สูงอายุและผู้พิการทางสายตาว่าตนเองมีปัสสาวะผิดปกติหรือไม่ ช่วยเสริมการทำงานของแพทย์ ตามแนวคิด”อนาคตของสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากวันนี้”

Flowmind-RA แอปฯ ประเมินภาวะทางเดินปัสสาวะอุดกั้นด้วยเสียง

นพ.ลาภณวัส สันติธรรม หัวหน้าทีม Eldente ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทประชาชนทั่วไปและสตาร์ทอัพ กล่าวว่า จากเดิมตนเองได้ติดตามโครงการ HEALTHTECH 1 ประกอบกับได้รับทุนมาเรียนทางด้านทางเดินปัสสาวะที่รามาฯ เมื่อเห็นแล้วเกิดแรงบันดาลใจของพี่ๆ จึงอยากสร้างเสริมโอกาสให้เกิดการเข้าถึงเทคโนโลยีของคนไทย จึงเข้ามาในครงการ HEALTHTECH X2

ที่มาของการทำแอปฯคือ ปัจจุบันปัญหาหลักๆของผู้สูงอายุ คือ การปัสสาวะ กว่า 50% และอีก 60% ไม่เคยเจอหมอทางเดินปัสสาวะ เพราะคุณหมอทางเดินปัสสาวะในปะเทศไทยมีเพียงแค่ 423 คน  คิดเป็น 0.46 ต่อแสนประชากร น้อยกว่าประเทศญี่ปุ่น 12 เท่า ทำให้การเข้าถึงได้น้อย ที่สำคัญคือ เราเห็นปัญหาเหล่านี้ และจุดสำคัญคือ เราเจอคนไข้ตาบอด เขาไม่รู้ว่าต้องปัสสาวะอย่างไร เร็วหรือไม่ พุ่งหรือไม่ เราเลยคิดว่าเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแน่นอน เราจะทำเทคโนโลยีให้คนไทยเข้าถึง ช่วยในการฟังเสียงแล้วแปลออกมาว่าปัสสาวะคุณนั้นเร็วหรือช้า จึงเป็นที่มาของ Flowmind-RA

นพ.ลาภณวัส  กล่าวว่า แอปฯ Flowmind-RA สามารถตอบโจทย์ได้หลายอย่าง เช่น ผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป 50% เป็นต่อมลูกหมากโต พอต่อมลูกหมากโต สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ปัสสาวะไหลช้า แต่คนมักจะไม่รู้จนกว่าจะมีอาการเยอะมาก ส่วนมากที่เจอจะบอกว่าปัสสาวะดี แต่มารู้ตัวอีกทีเข้าห้องฉุกเฉินแล้วเพราะปัสสาวะไม่ออก ไตวาย   ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นผลกระทบใหญ่ในระดับมหภาค ภาพรวมค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยไตวายสูงถึง 16,000 พันล้านบาทต่อปี ตนจึงคิดว่าจะดีหรือไม่ถ้ามีตัวช่วยในการคัดกรองตั้งแต่แรก ว่ามีความเสี่ยงทางเดินปัสสาวะอุดกั้นหรือไม่ และควรมาหาคุณหมอก่อนที่อาการจะแย่ลง หรือคนไข้ที่นอนกรน เป็นโรคหัวใจ เบาหวานทั้งหมดมีปัญหาทางเดินปัสสาวะหมดแต่ไม่รู้ตัวจนกระทั่งมีอาการมากจริงๆ  สิ่งนี้จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการฟังเสียงปัสสาวะว่า เร็ว แรงดีหรือไม่

การใช้งานปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ เริ่มที่คนที่ใช้มือถือได้ดีเราแค่สแกนคิวอาร์โค้ดเชื่อมต่อกับไลน์แอปพลิเคชั่น และคลิกไปที่ซาวด์เบส แล้วดูวิธีการใช้งานอย่างละเอียด ในแอปฯจะบอกว่าควรวางมือถือไว้ตรงไหน ต้องกดปุ่มไหนเพื่อวัดได้อย่างแม่นยำที่สุด เมื่อกดไปแล้ว AI จะทำหน้าที่ประมวลผลผ่านเว็บบราวเซอร์ให้ผู้ใช้ทันที โดยที่ไม่ต้องล็อกอินหรือมีค่าใช้จ่าย

ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถใช้มือถือได้คล่องจะมีสิ่งที่เรียกว่า IOT จะถูกออกแบบมาให้กดแค่ 3 ปุ่ม คือสีเขียวเริ่มปัสสาวะ สีแดงคือปัสสาวะเสร็จ สีเหลือคือส่งข้อมูลขึ้นคราวด์ หลังจากนั้นข้อมูลจะส่งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ญาติ  หรือผู้ใช้เองจะดูว่าปัสสาวะเร็วหรือช้า ต้องไปหาหมอหรือไม่ ผลที่ได้จะส่งไปไปให้คุณหมอที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเพิ่มเติมว่ามีเรื่องของต่อมลูกหมากโตหรือไม่

“เราอยากให้มีการส่งต่อเทคโนโลยีนี้ไปทั่วประเทศ ที่ผ่านมาได้มีการนำไปใช้ที่ รพ.รามาฯ ,รพ.ลำสนธิ ,รพ.ไตภูมิฯ มีการใช้งานไปมากกว่า 1,000 ครั้ง USER มากกว่า 1,300 คน และได้รับรางวัลจากสมาคมศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะแห่งประเทศไทย เราได้รับการรองรับจริยธรรมในการทดลองในมนุษย์ของรพ.รามาฯ เราคาดว่าให้คนได้เข้าถึงเทคโนโลยีได้มากและง่ายที่สุดสิ่งนี้จะทำให้ผู้สูงอายุเรียนรู้ได้หรือญาติจะสอนได้ง่ายเพราะคลิกแค่ 3 ปุ่มก็ได้ผลเหมือนกัน”นพ.ลาภณวัส  กล่าว

ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://uro.flowmind-ra.cloud

แอปฯ ประเมินภาวะทางเดินปัสสาวะอุดกั้นด้วยเสียง

นายสัมพันธ์ ศิลปนาฎ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับ บริษัท ซีนเนอร์ยี่ อินโนเวชั่น จำกัด (SYNHUB) เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการบ่มเพาะเพื่อพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ HealthTech X 2 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ด้วยแนวคิด “The Future เพราะอนาคตของสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากวันนี้” เดินหน้าชวนคนรุ่นใหม่ สตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการ พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลที่สามารถใช้งานได้จริงและใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย เช่น แอปพลิเคชัน AI อินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง (Internet of Things : IoTs) เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality : VR) เพื่อพัฒนาสุขภาวะและคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ เด็ก เยาวชน และคนพิการ พร้อมสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจและขยายผลสู่สาธารณะ มีนวัตกรสมัครเข้าร่วมโครงการ 133 ทีมทั่วประเทศ และผ่านการคัดเลือกเหลือ 22 ทีม เพื่อเข้าร่วมโปรแกรมบ่มเพาะการพัฒนาต้นแบบนวัตกรรม โดยวิทยากรมืออาชีพทั้งด้านสร้างเสริมสุขภาพ ด้านเทคนิคการออกแบบนวัตกรรม และกลยุทธ์การตลาด

นายสัมพันธ์ กล่าวว่า เราได้เห็นตัวอย่างที่ดีๆของคนที่มีความคิดดีๆ คนที่กล้าจะมาเปลี่ยนสังคม และที่สำคัญคนเหล่านี้มีจิตสาธารณะ อย่าลืมว่าเทคโนโลยีมีความสำคัญที่จะแซงอัตราการป่วย อาการติดเตียงของคนไทย ซึ่งในแต่ละวันมีคนติดเตียงมากถึง 1,000 คน และยิ่งเมื่อสูงอายุเพิ่มมากขึ้นตัวเลขคนติดเตียงจะสูงเพิ่มขึ้นด้วย ครอบครัวจะมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการที่พวกเราออกไปเปลี่ยนสังคมด้วยกัน ผลงานที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ สสส. จะสนับสนุนให้เกิดขยายผลเป็นธุรกิจเพื่อสังคม นำไปต่อยอดใช้งานได้จริงภายในบ้าน ชุมชน และโรงพยาบาลทั่วไทย และเตรียมส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศต่อไป

สุดท้ายของโครงการ HealthTech X 2 มีการคัดเลือกสุดยอดนวัตกรรมสุขภาพเพื่อรับรางวัลทั้งหมด 7 ทีม แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทประชาชนทั่วไปและสตาร์ทอัพ ผลงานได้ที่รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 คือ แอปฯ ประเมินภาวะทางเดินปัสสาวะอุดกั้นด้วยเสียง สำหรับผู้สูงอายุ จากทีม Eldent อันดับ 2 แอปฯ การเดินทางเพื่อผู้ใช้วีลแชร์ จากทีมนัก Bit และ VR สร้างเสริมสุขภาพจิต สำหรับผู้ต้องขัง จากทีม YVR อันดับ 3 อุปกรณ์ช่วยสื่อสารและควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านสำหรับผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง ประเภท AI-IoT จากทีม Aihub ประเภทผู้ประกอบการทั่วไป ผลงานได้ที่รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 คือ แอปฯ แนะนำท่ายืดเหยียด สำหรับผู้สูงอายุและผู้ใช้แรงงาน จากทีม ERTIGO อันดับ 2 แพลตฟอร์มป้องกันและคัดกรองมะเร็งเบื้องต้น ประเภท AI สำหรับกลุ่มเปราะบาง จากทีม Precisionize อันดับ 3 อุปกรณ์เฝ้าระวังการล้มในผู้สูงอายุ จากทีมใส่ใจวัยเก๋า

You must be logged in to post a comment Login