- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 7 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 7 months ago
- โลกธรรมPosted 7 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 7 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 7 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 7 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 7 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 7 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 7 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 7 months ago
สสส. สานพลัง มหิดล พัฒนาหลักสูตร E-learning เสริมกลไกการเรียนรู้ป้องกันความรุนแรงบนฐานเพศ

ช็อก! พนักงานเอกชน 44.4% เคยถูกคุกคามทางเพศ กลุ่มหลากหลายเพศโดนสูงสุด 60.2% ผู้หญิง 45.9% ผู้ชาย 33.9% สสส. สานพลัง มหิดล พัฒนาหลักสูตร E-learning เสริมกลไกการเรียนรู้ป้องกันความรุนแรงบนฐานเพศ ผ่านแอปฯ MU-ZeroGBV in Workplace ครอบคลุม 9 โมดูล ปูทางสู่องค์กรปลอดภัยไร้คุกคาม มุ่งผลักดันใช้งานจริง 200 แห่ง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ก.ย. 2568 ที่โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวโครงการพัฒนาหลักสูตรและคู่มือแนวปฏิบัติ เพื่อสร้างมาตรการป้องกันและจัดการปัญหาความรุนแรงบนฐานเพศและการคุกคามทางเพศในสถานประกอบการเอกชน พร้อมพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ E-learning Application: MU-ZeroGBV in Workplace เพื่อพัฒนากลไกการเรียนรู้และระบบสนับสนุนที่ช่วยให้สถานประกอบกิจการในภาคเอกชนสามารถป้องกันความรุนแรงบนฐานเพศ (Gender-Based Violence: GBV) และการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศ.นพ.รณชัย คงสกล ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 2 สสส. กล่าวว่า โครงการฯ ได้สำรวจพนักงานในสถานประกอบการทุกภาคทั่วประเทศ 67 แห่ง จำนวน 603 คน ในปี 2568ครอบคลุม 5 ประเภทอุตสาหกรรมส่งออก ได้แก่ 1.ยานยนต์ 2.อาหารส่งออก 3.สิ่งทอ 4.อิเล็กโทรนิกส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า 5.โรงแรม, ท่องเที่ยว พบว่า พนักงานเคยถูกละเมิดหรือคุกคามทางเพศ 44.4% กลุ่มหลากหลายเพศเผชิญการคุกคามสูงสุด 60.2% ผู้หญิง 45.9% ผู้ชาย 33.9% พฤติกรรมที่พบบ่อย คือ การล้อเลียนรูปร่างหน้าตา การแซวหรือหยอกล้อส่อทางเพศ การถูกลูบคลำแตะเนื้อต้องตัว ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายคุ้มครองแรงงานจากการคุกคามทางเพศอยู่แล้ว แต่ยังพบว่าสถานประกอบการภาคเอกชนยังขาดแนวปฏิบัติและไม่มีวิธีการดำเนินงานที่เป็นระบบชัดเจน ส่งผลให้ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในระดับบุคคลและองค์กร ไม่ว่าจะเป็นสุขภาวะและขวัญกำลังใจของพนักงาน
ศ.นพ.รณชัย กล่าวต่อว่า สสส. มีเป้าหมายขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงบนฐานเพศ ด้วยการขับเคลื่อนกฎหมาย นโยบายที่เกี่ยวข้อง และพัฒนาหลักสูตรคู่มือการช่วยเหลือแบบสหวิชาชีพ พัฒนากลไกส่งเสริม ป้องกัน และช่วยเหลือผู้ถูกกระทำความรุนแรง นอกจากนี้ยังร่วมกับสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาหลักสูตรออนไลน์ E-learning Application: MU-ZeroGBV in Workplace เครื่องมือที่จะช่วยทำให้สถานประกอบการสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ปลอดภัย เท่าเทียม และเคารพศักดิ์ศรีของบุคลากร ปราศจากความรุนแรงบนฐานเพศและการคุกคามทางเพศ และหากเกิดเหตุขึ้นสถานประกอบการก็จะได้มีหลักสูตรให้ความรู้แก่ผู้บริหารและพนักงาน ตลอดจนมีนโยบาย กลไก รวมทั้งแนวปฏิบัติที่ชัดเจน สามารถนำไปใช้รับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง

รศ.ดร.สุชาดา ทวีสิทธิ์ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โครงการฯ ได้พัฒนาหลักสูตรและคู่มือแนวปฏิบัติครอบคลุมเนื้อหาสาระสำคัญ 9 โมดูล ได้แก่ 1.ความรู้พื้นฐานด้านสิทธิและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ GBV และการคุกคามทางเพศ 2.ความจำเป็นและบทบาทของแอปพลิเคชันในฐานะเครื่องมือดิจิทัล 3.สาเหตุและปัจจัยทางสังคมที่นำไปสู่ความรุนแรงบนฐานเพศ 4.ความเข้าใจเรื่องการคุกคามทางเพศในที่ทำงานและผลกระทบ 5.การสร้างวัฒนธรรมรับฟังความยินยอมในเรื่องเพศ 6.การสร้างวัฒนธรรมการรับฟังความยินยอมอย่างแท้จริง 7.การเรียนรู้จากสถานการณ์และวิธีรับมืออย่างเหมาะสม 8.การประเมินความเสี่ยง ช่องทางร้องทุกข์ และแหล่งความช่วยเหลือ 9.บทบาทของ HR ผู้จัดการ และผู้บริหารในการป้องกันและจัดการปัญหา

“จุดเด่นของแอปพลิเคชันคือการมีระบบสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น วิดีโอ อินโฟกราฟิก แบบฝึกหัด กรณีศึกษา แบบทดสอบท้ายบท พร้อมระบบประเมินผลอัตโนมัติ และออกใบวุฒิบัตรออนไลน์ให้ทันทีสำหรับผู้เรียนที่ผ่านเกณฑ์ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำแบบประเมินความเสี่ยงส่วนบุคคล แจ้งร้องทุกข์ผ่านช่องทางออนไลน์ และเข้าถึงข้อมูลหน่วยงานสนับสนุนภายนอกได้โดยตรงทั้งบนโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป้าหมายของโครงการมุ่งหวังให้สถานประกอบการภาคเอกชนอย่างน้อย 200 แห่ง นำระบบ E-learning ไปใช้จริง และต่อยอดสู่การจัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติที่เป็นธรรมภายในองค์กรต่อไป” รศ.ดร.สุชาดา กล่าว
You must be logged in to post a comment Login