- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 6 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 6 months ago
- โลกธรรมPosted 7 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 7 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 7 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 7 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 7 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 7 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 7 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 7 months ago
พบปัญหาความรุนแรง-คุกคามทางเพศในไทยหลากหลาย ซับซ้อน ปี 2566 ยอดรายงานผ่านสื่อพุ่งนับพันเคส

วงเสวนาห่วงปัญหาความรุนแรง-คุกคามทางเพศในไทยหลากหลาย ซับซ้อน ปี 2566 ยอดรายงานผ่านสื่อพุ่งนับพันเคส มีเหล้า-ยาเสพติด เป็นตัวกระตุ้น จ่อนำ 26,729 รายชื่อยื่นเสนอร่างกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวฉบับประชาชน ย้ำคนทำผิดต้องได้รับโทษ ไม่เน้นไกล่เกลี่ย ซุกปัญหาไว้ใต้พรม
วันที่ 9 กันยายน 68 เครือข่ายต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศประเทศไทย ร่วมกับ ชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรีไทย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สมาคมเพศวิถีศึกษา และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันจัดเสวนา หัวข้อ กฎหมายจะช่วยยุติความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัวได้อย่างไร? ห้องวีนัส ชั้น 3 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ รองประธานชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรีไทย กล่าวว่า ความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงทางเพศ การล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศ มีหลายรูปแบบรวมถึงการคุกคามทางเพศออนไลน์ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิง คนที่มีความหลากหลายทางเพศ และคนข้ามเพศ โดยปัญหาปัจจุบันมีความรุนแรง และซับซ้อนมากขึ้น และจำนวนไม่น้อยพบว่ามีสารเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยการทำงานหลายมิติและหลายระดับควบคู่กันไป ทั้งเชิงป้องกันและการแก้ไขปัญหา และต้องมีการทำงานทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน หน่วยงานรัฐ เอกชน และในระดับกฎหมายและนโยบาย

นางสาวศศินันท์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนมองว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัวที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังมีช่องว่างทั้งในแง่หลักการ ขอบเขต ตัวบทของกฎหมาย และประสิทธิภาพการบังคับใช้ เหยื่อส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพ และกฎหมายยังไม่ได้นำไปสู่การขจัดหรือลดปัญหาความรุนแรงได้ ชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรีไทย ตระหนักถึงความสำคัญและสนับสนุนกระบวนการพัฒนากฎหมายให้มีคุณภาพมากขึ้น และหวังว่าการเสวนาวันนี้จะสามารถสร้างความเข้าใจและเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. …. หรือ ร่างกฎหมายคุกคามทางเพศ ซึ่งผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. …. (ฉบับภาคประชาชน) ที่จัดทำโดยเครือข่ายต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการสรุปรายชื่อประชาชนผู้ร่วมเสนอกฎหมายเพื่อยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากรวบรวมข่าวความรุนแรงในครอบครัวที่เสนอผ่านสื่อในปี 2566 รวม 1,086 ข่าว มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้น 29.1% ยาเสพติด 26.1% โดยแบ่งเป็น 5 ประเภทข่าว ได้แก่ 1.ทำร้ายกัน 39.9% เป็นเรื่องระหว่างสามี-ภรรยามากที่สุดกว่าหนึ่งในสาม 2.ฆ่ากัน 35.7% เกือบครึ่งเกิดในคู่สามี-ภรรยา 3.ฆ่าตัวตาย 19.6% 4.ความรุนแรงทางเพศของคนในครอบครัว 4.2% โดยเกิดระหว่างเครือญาติ พ่อเลี้ยงทำกับลูกเลี้ยง พ่อทำกับลูกแท้ๆ กว่าหนึ่งในสี่ และ 5.ความรุนแรงในครอบครัวอื่นๆ 0.6%
ส่วนข่าวความรุนแรงทางเพศในปี 2566 มี 194 ข่าว แบ่งเป็น ข่มขืน 44.3% อนาจาร 20.1% การคุกคามทางเพศ (การใช้วาจา เช่น พูดจาแทะโลม/ชวนคุยเรื่องเพศ/เรื่องเซ็กซ์ทอย/ชวนมีเพศสัมพันธ์) 11.4% กรณีชายกระทำต่อชาย 7.2% พยายามข่มขืน 6.2% การบังคับค้าประเวณี 4.6% รุมโทรม 4.1% พรากผู้เยาว์ 2.1% ส่วนความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ เกิดจากคนรู้จัก (ครู คนที่อาศัยอยู่ใกล้กัน อดีตแฟน เพื่อนในวงเหล้า) 47.1% ตามมาด้วยคนในครอบครัว (พ่อเลี้ยงกระทำลูกเลี้ยง พ่อกระทำลูก ลุงกระทำหลาน) 24.3% คนแปลกหน้า 22.8% และคนที่รู้จักกันผ่านโซเชียลมีเดีย 5.8% ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกกระทำส่วนใหญ่อายุระหว่าง 11-15 ปี 39.8% อายุ 6-10 ปี 20.0% อายุ 16-20 ปี 18.5% อายุน้อยสุดที่ถูกกระทำเป็นเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ถูกครูกระทำอนาจาร และกรณีหลานสาวถูกปู่เมาเหล้าข่มขืน ส่วนผู้ถูกกระทำที่มีอายุมากสุด 69 ปี ถูกลูกชายติดยาเสพติด/ติดเหล้าข่มขืน สำหรับปัจจัยกระตุ้น มาจากการใช้ยาเสพติด 33.9% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 27.0% หึงหวง 10.4% อ้างเกิดอารมณ์ทางเพศ 9.6 % ทั้งนี้หากเทียบเคียงปัจจัยกระตุ้นความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ จะพบว่า ยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท ตัวแทนเครือข่ายต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศประเทศไทย กล่าวว่า เครือข่ายต่อต้านความรุนแรงฯ ซึ่งประกอบด้วย 13 องค์กรภาคประชาสังคม ได้ร่วมกันจัดทำร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ… เนื่องจากฉบับปี 2550 ที่บังคับใช้อยู่ขณะนี้ยังมีช่องว่างที่สำคัญ คือแทนที่จะเน้นการคุ้มครองคนในครอบครัวที่ถูกกระทำรุนแรง กลับให้น้ำหนักกับการไกล่เกลี่ยเพื่อให้ครอบครัวที่มีการใช้ความรุนแรงยังต้องอยู่ด้วยกันต่อไป และไม่เน้นการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง ทำให้คนที่ใช้ความรุนแรงลอยนวลและมีโอกาสที่จะก่อเหตุซ้ำ และอาจร้ายแรงยิ่งขึ้น
“ร่างกฎหมายความรุนแรงในครอบครัวฉบับภาคประชาชน พยายามอุดช่องว่างหลายประการที่มีอยู่ในกฎหมายปัจจุบัน โดยให้น้ำหนักกับการคุ้มครองผู้ถูกกระทำ การถือเอาความปลอดภัยและความต้องการของผู้ถูกกระทำเป็นสิ่งสำคัญ และเรายังเน้นย้ำด้วยว่ากฎหมายต้องมีกลไกที่จะทำให้ผู้ที่ใช้ความรุนแรงต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน โดยกำหนดให้ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวต้องได้รับโทษตามฐานความผิดที่ปรากฏอยู่แล้วในประมวลกฎหมายอาญา และการยอมความคดีความรุนแรงในครอบครัวต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมายและความประสงค์ของผู้ถูกกระทำ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้รัฐต้องจัดให้มีกลไกการช่วยเหลือผู้ถูกกระทำรุนแรงให้ชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้นด้วย เหล่านี้เป็นจุดแข็งของร่างกฎหมายฉบับนี้ ทำให้มีประชาชนมาร่วมลงชื่อสนับสนุนการเสนอร่างกฎหมายนี้แล้ว 26,729 รายชื่อ และทางเครือข่ายฯ จะยื่นร่างกฎหมายพร้อมรายชื่อต่อสภาผู้แทนฯ ในเร็วๆนี้ และยังหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะให้ความสำคัญกับกฎหมายฉบับนี้ด้วย” ดร.วราภรณ์ กล่าว

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายคุกคามทางเพศ กล่าวว่า เมื่อมีการข่มขืน คนมักเรียกร้องให้ประหาร ทั้ง ๆ ที่กฎหมายปัจจุบันก็มีโทษประหารอยู่แล้ว แต่ยังไม่ช่วยลดปัญหาลงได้ ดังนั้นต้องพัฒนากฎหมายที่บังคับใช้ได้จริง เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่สร้างภาระให้คนบังคับใช้กฎหมาย ประชาชน หรือมีการเอากฎหมายไปใช้ในทางที่ผิด สำหรับร่างกฎหมายคุกคามทางเพศนั้น มีการศึกษาและเขียนกฎหมายที่ครอบคลุมการกระทำหลายลักษณะ เช่น แก้ไขนิยามการกระทำชำเราให้คุ้มครองกรณีผู้ถูกกระทำเป็นคนข้ามเพศที่ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะเพศด้วย และมีการเพิ่มความผิดฐานคุกคามทางเพศ ซึ่งครอบคลุมลักษณะความผิดตั้งแต่การการคุกคามด้วยวาจา กิริยาท่าทาง การสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ การแตะเนื้อต้องตัว รวมถึงการเฝ้าติดตามและการคุกคามทางโซเชียลมีเดียด้วย ทั้งนี้กฎหมายอยู่ระหว่างการการพิจารณาในชั้นวุฒิสภา ซึ่งเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าวมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ได้สุดโต่ง ที่สำคัญคือเป็นประโยชน์กับประชาชน เชื่อว่า สว. จะไม่มีความเห็นที่ขัดแย้งกับร่างที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว และน่าจะมีการบังคับใช้ในอีกไม่นานนี้ แต่นอกจากกฎหมาย สิ่งสำคัญคือประชาชนต้องมีความตระหนักและร่วมกันสร้างสังคมที่ดี ก็จะช่วยลดความรุนแรงและป้องกันการละเมิดทางเพศได้
You must be logged in to post a comment Login