- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 6 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 6 months ago
- โลกธรรมPosted 6 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 6 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 7 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 7 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 7 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 7 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 7 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 7 months ago
สสส.-มสช. จัดเวทีสาธารณะเปิดผลสำรวจ “สุขภาวะคนทำงาน”

สสส.-มสช. จัดเวทีสาธารณะ Data-Driven Workforce Planning Forum: “Work Well, Live Well เปิดผลสำรวจ “สุขภาวะคนทำงาน” พบวัยแรงงานภาคใต้สูบบุหรี่สูง ด้านภาคเหนือ-อีสาน คว้าแชมป์ดื่มเหล้า แรงงานก่อสร้าง เผชิญพฤติกรรมเสี่ยงอันดับ 1 ผู้ชายเสียชีวิตสูงกว่าผู้หญิง สาเหตุจากสูบบุหรี่-ดื่มแอลกอฮอล์-เมาแล้วขับ เดินหน้าเชื่อมโยงทุกภาคส่วนใช้ “ข้อมูลสุขภาวะคนทำงาน” ออกแบบมาตรการสร้างเสริมสุขภาวะพุ่งเป้าเชิงพื้นที่

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในเวทีสาธารณะ Data-Driven Workforce Planning Forum: “Work Well, Live Well: ขับเคลื่อนสุขภาวะคนทำงาน ด้วยพลังของข้อมูล” จัดโดย สสส. และมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) ว่า ปี 2567 คนไทยมีอายุยืนยาวคาดเฉลี่ยอยู่ที่ 76.56 ปี เป็นอันดับ 78 ของโลก กลุ่มคนวัยทำงานไทยเพศชายอายุคาดเฉลี่ยต่ำกว่าเพศหญิง 9 ปี สาเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพ เช่น ขับรถไม่สวมหมวกนิรภัย สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ สอดคล้องกับข้อมูลการตาย ปี 2566 ของเว็บไซต์ www.hiso.or.th โดย สสส. ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข พบคนวัยทำงานเพศชายเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าเพศหญิง 4.1 เท่า จากอุบัติเหตุจราจรมากกว่า 3.4 เท่า โรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 2.6 เท่า สถานการณ์สุขภาพคนวัยทำงานสะท้อนให้เห็นถึงการจะมีชีวิตยืนยาวได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพในศตวรรษที่ 21 โดยอาศัยความตั้งใจหรือการรณรงค์อาจไม่เพียงพอ สิ่งที่ต้องใช้คือ “ข้อมูล” ที่แม่นยำและเชื่อถือได้ เพื่อเป็นฐานในการวิเคราะห์และออกแบบมาตรการสร้างเสริมสุขภาวะอย่างมีทิศทาง
“สสส. ร่วมกับ มสช. จัดทำโครงการการศึกษาสถานการณ์ปัญหาโรคไม่ติดต่อและพฤติกรรมสุขภาพที่เกี่ยวข้องของวัยทำงานในประเทศไทย เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาระบบติดตามการดูแลสุขภาพวัยทำงานอย่างบูรณาการในระดับองค์กร และวิเคราะห์สถานการณ์สุขภาพของคนวัยทำงานทั่วประเทศ พร้อมทั้งระบุกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่นำร่องเพื่อพัฒนาต้นแบบ ‘องค์กรสุขภาวะ’ ที่ยั่งยืน การจัดเวทีครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการทำงานด้านสุขภาพของวัยแรงงานไทย ด้วยการใช้ข้อมูลเป็นฐานคิดและเครื่องมือหลักในการเชื่อมโยงภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และวิชาการ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ และผลักดันให้สุขภาวะคนทำงานกลายเป็นวาระแห่งชาติต่อไป ผู้สนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดรายงานผลการศึกษาได้ที่เว็บไซต์ https://happy8workplace.thaihealth.or.th ” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

ผศ.พญ.ฉัฐญาณ์ วงศ์รัฐนันท์ หัวหน้าโครงการ “การศึกษาสถานการณ์ปัญหาโรคไม่ติดต่อและพฤติกรรมสุขภาพที่เกี่ยวข้องของวัยทำงานในประเทศไทย” กล่าวว่า การศึกษาสถานการณ์ปัญหาโรคไม่ติดต่อและพฤติกรรมสุขภาพฯ กลุ่มตัวอย่างแรงงานในระบบ 46,200 คนทั่วประเทศ ปี 2568 พบแรงงานในระบบสูบบุหรี่มากกว่าแรงงานนอกระบบ เพศชายสูบบุหรี่มากกว่าเพศหญิง มีแรงงานในระบบเพียง 3,336 คน สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ ซึ่ง 93.4% ต้องเลิกบุหรี่ด้วยตัวเอง และมีเพียง 0.6% หรือ 20 คนเท่านั้นที่เลิกบุหรี่ได้จากการบริการในสถานพยาบาล สะท้อนให้เห็นว่าวัยทำงานเข้าไม่ถึงการให้การบริการเลิกบุหรี่ ขณะที่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า เพศชายดื่มมากกว่าเพศหญิง วัยทำงานภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดื่มมากที่สุด โดยช่วงอายุที่ดื่มมากที่สุดคือ 45-59 ปี
“ส่วนพฤติกรรมการบริโภค ในมิติการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และการกินผักผลไม้ไม่เพียงพอ พบว่าเพศชายและเพศหญิงมีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างกัน แต่เพศชายทานผักผลไม้น้อยกว่าเพศหญิง เช่นเดียวกับ พฤติกรรมเนือยนิ่ง ที่มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเพศหญิง และสถานการณ์โรคอ้วน พบเพศชายมีภาวะโรคอ้วนมากกว่าเพศหญิง ในกลุ่ม GenX จะมีเปอร์เซ็นต์อ้วนมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ที่น่าสนใจ พบว่า กลุ่มผู้ที่ทำงานก่อสร้าง มีพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาวะมาเป็นอันดับ 1 ในทุกด้าน ทั้งสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และเมาแล้วขับ ดังนั้น จึงยากเสนอแนะให้หน่วยงานทุกภาคส่วนนำข้อมูลที่ สสส. ร่วมกับ มสช. จัดทำขึ้นไปใช้ในการวางแผนทำงานแบบพุ่งเป้าเชิงพื้นที่ โดยใช้ข้อมูลการเจ็บป่วยในกลุ่มโรค NCDs และพฤติกรรมสุขภาพ เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาสุขภาพของคนแต่ละจังหวัดที่เป็นกลุ่มเสี่ยง” ผศ.พญ.ฉัฐญาณ์ กล่าว

นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ กรรมการสายงาน FTI Academy สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเก็บข้อมูลสุขภาพคนทำงานจะต้องเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะการจะส่งเสริมให้สถานประกอบการและโรงงานทุกแห่งจัดทำข้อมูลสุขภาพ ต้องทำให้เห็นว่าการเก็บข้อมูลสุขภาพดีต่อองค์กรและแรงงานอย่างไร ที่สำคัญ การจะทำให้ได้ข้อมูลสุขภาพทั่วไปของแรงงาน สถานประกอบการต้องลงทุนทั้งเรื่องของอุปกรณ์ การสร้างแรงจูงใจ หรือปรับสภาพแวดล้อม ปรับรูปแบบการทำงานที่เอื้อให้การเกิดดูแลสุขภาพ และลดปัญหาการขาดงาน ต้องขับเคลื่อนพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในองค์กรอย่างเข้มแข็ง
You must be logged in to post a comment Login